นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้(23 มี.ค.)จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เพื่อขอให้ขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ออกไปถึงวันที่ 30 มี.ค.นี้ จากเดิมกำหนดถึงวันที่ 23 มึ.ค.แต่จะมีการลดพื้นที่ลงมาเหลือเฉพาะใน กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ
สำหรับสาเหตุที่คงการบังคับใช้กฎหมายใน จ.นนทบุรี เนื่องจากเป็นที่ตั้งของกระทรวงสำคัญและหน่วยงานราชการหลายแห่ง ส่วนจ.สมุทรปราการ เป็นที่ตั้งของสนามบินสุวรรณภูมิ
“ในการประชุมครม.วันพรุ่งนี้ ผมจะเสนอเป็นวาระแรกในการขยายระยะเวลาประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไปอีก 7 วัน ในช่วงวันที่ 23-30 มี.ค.นี้ โดยผมจะขอปรับพื้นที่ลดลง เหลือในกรงเทพ นนทบุรี และ สมุทรปราการ" นายสุเทพ กล่าว
สำหรับในการประชุม ครม.พรุ่งนี้ สาเหตุที่เลือกสถานที่จัดประชุมที่กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวาง และมีทางเข้า-ออกหลายทาง พร้อมยอมรับว่า ได้มีการจัดเตรียมเฮลิคอปเตอร์ที่จะเพียงพอที่จะลำเลียง ครม.ทุกคนหากจำเป็น
"การเลือกกระทรวงสาธารณสุขเห็นว่า เป็นสถานที่ที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมและต้องการลดการเผชิญหน้า ระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ชุมนุม และในสถานที่ประชุมพรุ่งนี้ ยอมรับว่าจะต้องมีการเตรียมอาวุธไว้ ในกรณีอาจเกิดเหตุวุ่นวายขึ้นได้" นายสุเทพ กล่าว
พร้อมกันนี้ นายสุเทพ ได้ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมปฏิบัติตามกฎหมาย และไม่อยากให้ผู้ชุมนุมมาปิดล้อมหรือใช้ความรุนแรงในระหว่างการประชุม ครม. แต่ก็ให้ความมั่นใจว่าทางการจะดูแลรักษาความปลอดภัยให้การประชุม ครม.พรุ่งนี้เสร็จสิ้นลุล่วง
นายสุเทพ กล่าวถึงการมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร มีการติดอาวุธได้ในส่วนหน่วยลาดตระเวนว่า เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ หลังมีการลอบปาระเบิดที่กระทรวงกลาโหม และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จ.นนทบุรี เนื่องจากในรถที่ตรวจพบมีการใช้เครื่องยิงอาร์พีจีและปืนกล
การที่ ศอ.รส.ให้เจ้าหน้าที่ติดอาวุธ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุหากเกิดเหตุการณ์เผชิญหน้าระหว่างกลุ่มผู้ไม่หวังดีกับเจ้าหน้าที่ได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีการแต่งกายในเครื่องแบบทหารตำรวจอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการกล่าวหาจากผู้ไม่หวังดีได้
นอกจากนี้ ยืนยันว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะเป็นผู้สร้างสถานการณ์เอง ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทุ่มเทกำลังทุกอย่างดูแลเหตุการณ์ที่อาจก่อความไม่สงบเกิดขึ้น ซึ่งยังประเมินว่าสถานการณ์ในขณะนี้ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่จำเป็นต้องมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พร้อมยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับรัฐบาลยังเป็นไปได้ด้วยดี และมั่นใจว่าทหารไม่คิดปฏิวัติแน่นอน