วุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายยกเครื่องระบบความปลอดภัยด้านการจราจรทางอากาศฉบับใหม่มูลค่า 3.45 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นการนำเทคโนโลยีจีพีเอสแห่งศตวรรษที่ 21 มาแทนที่เรดาร์ซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
สำนักงานการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือ FAA จะระดมเงินทุนจากโครงการ NextGen ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายนปีหน้า เพื่อนำเงินดังกล่าวมาพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ ซึ่งจะนำไปใช้ที่สนามบินสำคัญของสหรัฐภายในปี 2557 โดยคาดว่าเทคโนโลยีใหม่นี้จะช่วยแก้ปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ได้ส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายสำหรับติดตั้งระบบควบคุมการบินรุ่นใหม่ของ FAA คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐซึ่งครอบคลุมถึงปี 2568 แต่ทางสายการบินต่างๆจะจ่ายเงินเพิ่มอีก 2 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวในเครื่องบินทุกลำ
อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวคาดว่าระบบดังกล่าวจะช่วยให้ทางสายการบินประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยการให้เครื่องบินที่บินในเส้นทางบินที่มีผู้โดยสารหนาแน่นเปลี่ยนมาให้บริการในเส้นทางบินตรงและเส้นทางบินในระยะใกล้มากขึ้น เพื่อลดปัญหาเที่ยวบินดีเลย์ รวมถึงลดการใช้น้ำมัน และลดปัญหามลพิษ รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะที่นักบินจะมีข้อมูลที่ระบุถึงตำแหน่งของเครื่องบินลำอื่นๆในรูปแบบเรียลไทม์
ด้านวุฒิสมาชิกจากพรรคเดโมเครตท่านหนึ่งแสดงความเห็นว่า ในส่วนของการใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยด้านการจราจรทางอากาศฉบับใหม่นั้นนับว่าสหรัฐยังคงล้าหลังประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ยังมองว่า ร่างกฎหมายยกเครื่องระบบความปลอดภัยด้านการจราจรทางอากาศฉบับนี้มีความสำคัญต่อการแก้ปัญหาด้านการคมนาคมทางเครื่องบิน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขผู้โดยสารที่คาดว่าจะขยายตัวขึ้นจาก 700 ล้านรายในปี 2552 มาอยู่ที่กว่า 1 พันล้านรายต่อปีภายในปี 2566