ผู้ประกอบการภาคเอกชนระบุสถานการณ์ทางการเมืองอันเนื่องมาจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.แดงทั้งแผ่นดิน) ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ หากยังยืดเยื้อต่อไปแม้จะไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงก็ตาม โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าร่วมกันหาแนวทางคลี่คลายปัญหา
"ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทยอย่างต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา และหากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงยืดเยื้อขึ้นก็จะยิ่งส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดมากขึ้น" นายดุสิต นนทนาคร ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าว
ทั้งนี้ หอการค้าไทยต้องการให้ทุกฝ่ายหาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม เพราะจะช่วยให้ไม่เกิดผลกระทบต่อภาคเอกชนที่จะเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวได้อีกทางหนึ่ง
ด้านนายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า กรณีที่กลุ่ม นปช.นัดรวมพลเพื่อเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ อีกครั้งในวันที่ 27 มี.ค.นี้ถือเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้หากไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และไม่เป็นการกีดขวางการจราจร ซึ่งเท่าที่ประเมินสถานการณ์เมื่อวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.ผ่านมานั้นเป็นสิ่งที่คนกรุงเทพฯ รับได้ เพราะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การชุมนุม และไม่อยากเห็นความรุนแรง แม้การชุมนุมของกลุ่ม นปช.ในขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรม แต่ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวบ้าง ทำให้ต่างชาติเลื่อนหรือชะลอการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
ขณะที่นายอดิศักดิ์ โรหิตศุน รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ต้องการให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน เนื่องจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้กระทบต่อทุกฝ่าย แต่จะมีผลมากน้อยเพียงใดต้องขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของการชุมนุม