นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรีได้ร่วมประชุมกับ ศอ.รส.และรับทราบการประเมินสถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงที่จะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อการจัดประชุมสหภาพรัฐสภา ในระหว่างวันที่ 27 มี.ค.-1 เม.ย.นี้ ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพและมีนานาประเทศเข้าร่วมประชุมถึง 124 ประเทศ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปประสานกับแกนนำผู้ชุมนุมเพื่อดูแลความเรียบร้อยบริเวณสถานที่จัดประชุม ซึ่งจะใช้ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ย่านปทุมวัน ถึงแม้จะได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการเดินทางไปชุมนุม แต่เพื่อความปลอดภัยและดูแลความสงบเรียบร้อยจึงให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคอยดูแลอารักขาความปลอดภัย เพราะหากมีการเคลื่อนไหวจะได้ไม่กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศเหมือนเช่นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่เมืองพัทยา
นอกจากนี้ยังจะมีการจัดประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่างประมาณต้นเดือนเม.ย. ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพอีกเช่นกัน โดยจะจัดขึ้นที่ อ.หัวหิน และมีผู้นำประเทศเพื่อนบ้านเข้าร่วมประชุม ดังนั้นรัฐบาลยืนยันว่าจะไม่ให้มีการปิดล้อมการประชุม และการคุกคามผู้ที่เข้าร่วมประชุม หากมีกลุ่มที่จะฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ รัฐบาลจะใช้ความระมัดระวังและมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้าย ซึ่งทาง ศอ.รส.จะประชุมกำหนดมาตรการเหล่านี้ต่อไป
"หวังว่าการประชุมครั้งนี้จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย ถึงแม้จะมีการชุมนุมแต่ก็เป็นไปโดยสันติ ไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินการระหว่างประเทศ และยังให้การตอบรับการมาเยือนประเทศไทย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี รัฐบาลขอความร่วมมือผู้ที่จะมาชุมนุมทางการเมือง ใน 2-3 วันข้างหน้าให้อยู่ในกฎเกณฑ์ กติกา" นายปณิธาน กล่าว
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีรับทราบการปรับระบบการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะการจัดด่านตรวจร่วมบริเวณจุดสำคัญๆ ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และบริเวณโดยรอบกรุงเทพฯ จำนวน 13 จุด เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่มีการก่อเหตุหลายครั้ง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงถึงกรณีการก่อเหตุร้ายต่างๆ ถึงแม้ยังไม่มีข้อสรุปว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ก็มีการออกหมายจับผู้ต้องสงสัย และเร่งรัดให้ดำเนินคดีรวมทั้งขยายผลให้ชัดเจน
ทั้งนี้รัฐบาลจะเร่งรัดดำเนินคดีต่างๆ ให้ปรากฏผล และยืนยันว่าไม่มีส่วนในการสร้างสถานการณ์หรือทำให้สถานการณ์บ้านเมืองมีความตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลไม่ได้ประโยชน์อะไรในการดำเนินการดังกล่าว