นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวพิเศษ โดยระบุว่าจะไม่มีการเจรจากับผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ที่ประกาศจะเดินทางมาพบที่กรมทหารราบที่ 11 เช้าวันนี้ เพราะการเจรจาจะต้องไม่มีการช่มขู่คุกคาม แต่ยืนยันว่า ทางออกของปัญหาต้องแก้ไขด้วยการเมือง และยังพร้อมพูดคุยเกี่ยวกับข้อเรียกร้องยุบสภา แต่ไม่ใช่การยื่นคำขาด
"ผมไม่เคยปฏิเสธการเจรจา จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการยกเลิกวิธีนี้ แต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข ไม่มีการข่มขู่คุกคาม วันนี้ช่วงสายที่ผู้ชุมนุมประกาศจะส่งผู้แทนมาที่ราบ 11 เพื่อพบผม ฉะนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดการเจรจา"นายอภิสิทธิ์ กล่าวในการแถลงข่าวเช้านี้ ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้หลังจากที่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างน้อย 3 ครั้งในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายมีความวิตกกังวลกับอนาคตความไม่แน่นอนของบ้านเมือง และหลายคนสัมผัสความเดือดร้อนด้วยตัวเองจากปัญหาการจราจร และปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันแน่นอนผู้ชุมนุมและผู้สนับสนุนก็มีเป้าหมายในการเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้หลายครั้งสถานการณ์ของบ้านเมืองหรือบรรยากาศของบ้านเมืองนั้น จะมีความรู้สึกตึงเครียด
รัฐบาลถือเป็นหน้าที่สำคัญในการที่จะดูแลให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินการต่อไปได้ ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติและความสงบสุข โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ ซึ่งขณะที่ผู้ชุมนุมมีข้อเรียกร้องต่าง ๆ แต่มีประชาชนอีกจำนวนมากที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศนั้นจะฟังเพียงคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องฟังเสียงสะท้อนของคนทั้งประเทศ และยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม
การทำงานของเจ้าหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยยึดหลักดำเนินการเพื่อให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ ขณะเดียวกันก็มีเหตุการณ์การชุมนุมที่สุ่มเสี่ยงต่อการปะทะกัน และการทำให้เจ้าหน้าที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาชน ซึ่งรัฐบาลต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะ เมื่อวานนี้จึงมีการถอนกำลังทหารออกจากสถานที่สาธารณะหลายจุด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียดเมื่อเกิดความไม่ไว้วางใจและมีความเข้าใจผิด เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะและเผชิญหน้า
แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถถอนกำลังจากการรักษาความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาลตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมได้ เพราะเป็นเรื่องแตกต่างจากจุดอื่น ๆ เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ ไม่ใช่สถานที่สาธารณะ ทางการยืนยันว่าทหารตำรวจยืนยันต้องปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น แต่หากเป็นสถานที่รอบ ๆ ก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ ทำให้ผู้ชุมนุมกลับไปปักหลักที่สะพานผ่านฟ้า
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติภารกิจเพื่อรัฐในการดูแลความสงบเรียบร้อยและดูแลความปลอดภัยผู้ชุมนุม และทำหน้าที่ให้ประเทศเดินหน้า ซึ่งไม่ฝักไฝ่ทางการเมือง
พร้อมกันนั้น ยังระบุว่า ตนเองและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ถือเอาผู้ชุมนุมเป็นศัตรูหรือปฏิปักษ์ ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขปัญหาได้ วันนี้เหตุการณ์ชัดเจนว่าฝ่ายค้านและผู้ชุมนุมเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว ทำให้ข้อเรียกร้องทางการเมืองที่เคยเป็นข้อเรียกร้องคนนอกสภา มีน้ำหนักผิดเพี้ยนไป ทำให้จำเป็นต้องพูดคุยเจรจากันมากขึ้น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่เคยปฏิเสธเงื่อนไขข้อเรียกร้อง ที่ผ่านมามีหลายกลุ่มเสนอตัวเป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างรัฐบาลและผู้ชุมนุม ซึ่งขณะนี้ไม่ได้มีการล้มเลิกกระบวนการเจรจา แม้กระทั่งเหตุการณ์เมื่อวานก็มีการติดต่อประสานงานกัน หากจะต้องมีการพูดคุยก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องเกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศการชุมนุมที่ต้องไม่ใช่ข่มขู่คุกคาม กดดัน หากผู้ชุมนุมคำนึงถึงประชาธิปไตยในระยะยาว เพราะการดำเนินการภายใต้เงื่อนไขกดดันลักษณะนี้จะเป็นปัญหาต่อหลักประชาธิปไตยในอนาคต
"ผมยืนยันที่จะเปิดช่องทางที่จะพูดคุยกันได้ การปฏิเสธที่จะเจรจาไม่ใช่การปฏิเสธที่จะหาทางออก แต่เป็นการวางแนวทางที่ดีในการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่ความสงบได้"นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่กลุ่ม นปช.ส่วนหนึ่งได้เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้ากองทหารราบที่ 11 แล้วตามที่แกนนำได้ประกาศไว้เมื่อวานนี้ ท่ามกลางกองกำลังเจ้าหน้าที่ที่ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด