นายบรรหาร ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) ระบุหากการเจรจาระหว่างรัฐบาลกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.แดงทั้งแผ่นดิน) มีความจริงใจเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้ พร้อมแนะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนที่ประกาศยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในช่วงปลายปีนี้
"ต่างฝ่ายต่างมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งถ้ามีความจริงใจ ประนีประนอมกันจะแก้ปัญหาได้ ขณะที่ฝั่งรัฐบาลควรเสนอออกไปเลยว่ากำหนดเวลาจะยุบสภาฯ เมื่อไร จะปลายปีนี้หรือไม่ ด้านฝั่งเสื้อแดงเองก็ไม่ควรกำหนดกรอบเวลา 15 วัน เพราะมันทำไม่ได้ ส่วนตัวมีความห่วงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น เพราะเศรษฐกิจกำลังดีใช่ว่ารัฐบาลจะซื้อเวลา ตอนนี้การลงทุนไหลเข้ามามากมาย แต่เรื่องทำประชาพิจารณ์คงทำไม่ทัน" นายบรรหาร กล่าวทางรายการโทรทัศน์เช้านี้
แกนนำพรรค ชทพ.กล่าวว่า ประเด็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นทุกฝ่ายรู้กันอยู่แต่ไม่ยอมดำเนินการกันเอง ซึ่งเป็นข้อเสนอจากคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ แต่ถ้าจะให้ทำประชามติคงไม่ทัน เพราะต่างคนต่างความคิดสุดท้ายก็ไม่ได้แก้ จึงต้องกำหนดมาเลยว่าจะแก้ประเด็นใด เมื่อไร และที่สำคัญต้องจริงใจด้วย
"ให้ท่าน(นายกฯ)ลงมารับฟังปัญหา อย่าส่งตัวแทน มาฟังว่าเสื้อแดงต้องการอะไร มาเจรจากัน จากนั้นนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเอาอย่างไร แล้วค่อยนำไปตอบเสื้อแดง" นายบรรหาร กล่าว
ส่วนกรณีที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณข้างรั้วบ้านเมื่อคืนที่ผ่านมา นายบรรหาร กล่าวว่า ที่ผ่านมาถูกข่มขู่ตลอดเวลา ทั้งทางโทรศัพท์ ทั้งบนเวทีคนเสื้อแดง แต่ในฐานะที่เป็นอดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยต้องมีสัจจะในการเข้าร่วมรัฐบาล ถ้าจะออกจำเป็นต้องมีเหตุและมีผล พร้อมทั้งยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โทรศัพท์มาคุยด้วยเมื่อเดือนก่อน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ถามว่า พอจะช่วยเหลืออะไรได้ไหม ซึ่งตนเองยืนยันไปว่าจะไม่ออกจากรัฐบาล
ส่วนที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนินกลาง นายยุกติ มุกดาวิจิตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระ นายไชยยันต์ รัชชกูล สถาบันศาสนา วัฒนธรรรม และสันติภาพ มหาวิทยาลัยพายัพ ในฐานะตัวแทนเครือข่ายสันติประชาธรรม ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการไทยและต่างประเทศ 155 คนรวมทั้งนักวิชาการอิสระ ปัญญาชนและประชาชน 90 คน ร่วมกันลงนามในจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯและแกนนำคนเสื้อแดง ขอให้เร่งการเจรจาเพื่อขจัดเงื่อนไขไปสู่ความรุนแรง และคืนอำนาจให้ประชาชน
นายยุกติ กล่าวว่า หากปล่อยให้สภาวการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ ย่อมหลีกเลียงไม่ได้ที่จะเกิดเหตุรุนแรง และนำไปสู่การใช้กำลังของรัฐเข้าปราบปรามสลายการชุมนุม ประชาชนจำนวนมากอาจได้รับบาดเจ็บล้มตายในที่สุด จึงขอเรียกร้องต่อนายกฯและแกนนำคนเสื้อแดงคือให้นายกฯ ประกาศว่าจะยุบสภาภายใน 3 เดือน รัฐบาลต้องไม่มองว่าการยุบสภาคือความพ่ายแพ้ แต่ควรเห็นว่านี่คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับปลดเงื่อนไขแห่งความ รุนแรงที่กำลังจะเกิดขึ้นประการสำคัญ การยุบสภาคือการคืนอำนาจให้แก่ประชาชนในภาวะที่บ้านเมืองไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ส่วนฝ่าย นปช. ไม่ควรยืนยันให้รัฐบาลยุบสภาในทันที แต่ควรให้เวลา 3 เดือนแก่รัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันนโยบายที่เร่งด่วนเสียก่อน
สำหรับนักวิชาการไทยและที่ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึก อาทิ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มธ. นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ ปัญญาชนอาวุโส นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. นายเกษียร เตชะพีระ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. นายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มธ. และนายธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน แมดิสัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น