นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า วิปรัฐบาลทุกฝ่ายมีความเห็นสอดคล้องว่ารัฐบาลกำหนดวิธีการถูกต้องและเหมาะสมในการเจรจากับกลุ่มคนเสื้อแดง และเป็นความสง่างามของระบอบประชาธิปไตยที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันมาพบกับผู้นำรัฐบาลโดยตรง แม้การหารือจะใช้เวลายืดยาวถึง 3 ชม.แต่อย่างน้อยก็สะท้อนภาพให้ประชาชนรู้สึกคลี่คลายไปในระดับหนึ่ง ทำให้เกิดความหวังว่าน่าจะเดินไปสู่เป้าหมายการหาข้อยุติร่วมกันได้
นอกจากนี้ วิปรัฐบาลเห็นว่าแนวทางที่นายกฯเสนอเป็นแนวทางเหมาะสม สอดคล้อง ซึ่งหากจะมีการยุบสภาจะต้องมีช่วงระยะเวลาหนึ่งในการแก้ไขปัญหา 2 ประการ ให้ลุล่วงไป ในระดับที่สามารถรับกันได้
นายวิทยา กล่าวว่า ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทุกพรรคอย่างค้างคาใจว่าควรจะกลับมาปัดฝุ่นแนวทางที่เคยตั้งไว้ กับคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นที่ยุติ และหากยุติแล้ว ทุกฝ่ายก็ควรถอยกลับที่ตั้ง เพื่อให้เกิดบรรยากาศความสมานฉันท์ และเตรียมความพร้อมว่าทุกคนจะเดินเข้าสนามเลือกตั้ง อย่างปลอดภัย เพื่อเป็นแนวทางแสวงหาทางออกให้บ้านเมือง
และไม่ควรซ้ำรอยการเลือกตั้งปี 48 ซึ่งสุดท้ายการเลือกตั้งครั้งนั้นไม่สามารถยุติปัญหาขัดแย้งได้เมื่อการเลือกตั้งภายใต้กรอบกติกาที่อีกฝ่ายไม่มั่นใจ และบทสรุปจากการปฏิวัติรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 ไม่อยากเห็นการเลือกตั้งเพื่อรอการปฏิวัติใหม่ เพราะฉะนั้นสังคมควรจะมีช่วงระยะเวลาหนึ่งในการผ่านระยะเวลาเตรียมความพร้อม
นายวิทยา กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เริ่มทำพอสมควร ถึงขั้นที่จะมีการทำประชามติ แต่มาพลิกกลับเพราะโทรศัพท์ทางไกลสายเดียว ทำให้ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ตรงจุดนั้น
เมื่อถามว่า แต่แนวของกลุ่มคนเสื้อแดงก็ยังเหมือนเดิมที่ต้องการจะใช้รัฐธรรมนูญปี 40 หรือยุบสภา นายวิทยา กล่าวว่า เราได้มองเรื่องดังกล่าว โดยข้อเรียกร้องการเจรจาไม่มีใครได้ 100%ทุกคนต้องยอมรับบนพื้นฐานความจริง เพราะถ้าเรียกร้องได้เท่าไหร่ก็ถือเป็นการข่มขู่ ไม่ใช่การเจรจา
นายวิทยา กล่าวว่า วิปรัฐบาลจะเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติในสัปดาห์นี้ และอยากเรียกร้องเชิญชวนให้ ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าร่วมการประชุม เพราะในวันพุธจะมีการประชุมพิจารณาวาระ 2 และ 3 ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยพะเยาที่ฝ่ายค้านก็ผู้ผลักดัน
หากเวทีสองฝ่ายยังคงดำเนินไปด้วยดีจำเป็นต้องดึงเข้ามาในสภาหรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า ทางวุฒิสภาได้มีการยื่นญัตติรอไว้แล้วที่จะขอเปิดการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ และประธานวุฒิสภาก็ได้เสนอให้มีกรอภิปรายกันในวันที่ 5 เม.ย. เพียงแต่รอคำตอบจากรัฐบาลว่าพร้อมหรือไม่เท่านั้น หากฝ่ายค้านอยู่นอกสภา ก็ต้องปล่อยให้วุฒิสภาว่ากันไปฝ่ายเดียว แต่หากกลับมาทำงานร่วมกัน ก็อาจจะเสนอไปยังนายกฯ เพื่อขอเปิดประชุมร่วมรัฐสภาได้