นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ยังหวังให้มีการเจรจารอบ 3 ระหว่างนายกรัฐมนตรีและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)เกิดขึ้น และพร้อมสนับสนุนแนวทางการยุบสภาในกรอบ 9 เดือนที่เป็นข้อเสนอของนายกรัฐมนตรี และจากการพูดคุยพรรคร่วมรัฐบาลเชื่อว่าไม่มีปัญหา เพราะทางพรรคร่วมรัฐบาลเองก็เห็นไม่ต่างกันในแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"ผมยังมองโลกในแง่ดี หากมีลู่ทางให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ผมก็พยายามทุกอย่าง...(ยุบสภา)จะเริ่มนับหนึ่งได้ เมื่อเขาตกลงและต้องใช้เวลาให้แต่ละพรรคเตรียมการเลือกตั้ง"นายสุเทพ กล่าว
พร้อมยอมรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังมีส่วนเกี่ยวข้องหรือตัดสินใจของแกนนำ นปช.ต่อการเจรจาที่เกิดขึ้น
สำหรับข้อเสนอของกลุ่มนักวิชาการที่แนะนำให้รัฐบาลยุบสภาใน 3 เดือน นายสุเทพ ยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมจะรับฟัง แต่อยากให้นักวิชาการ อธิบายรายละเอียดให้ชัดเจนมากกว่านี้ แต่ส่วนตัวมองว่ากรอบเวลาที่นายกรัฐมนตรีนำเสนอมีความเหมาะสมที่สุดแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่นายกฯ เดินทางกลับจากการเยือนบารห์เรน คงจะได้ชี้แจงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรีคงจะมีแบบแผนที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญ การออกกฎหมายลูก รวมถึงการทำประชามติ
ส่วนการประกาศยกระดับการชุมนุมของผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ไปก่อน และไม่อยากมองในแง่ร้าย แต่ทั้งนี้ในฐานะที่ดูแลความมั่นคงก็จะดูแลความสงบเรียบร้อยต่อไป
นายสุเทพ กล่าวถึงเหตุผลในการเปลี่ยนสถานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้มาใช้ที่กระทรวงสาธารณสุขเหมือนเดิม เนื่องจากเห็นว่ากระทรวงสาธารณสุข มีความสะดวกสบายในการเดินทาง ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความปลอดภัย และสาเหตุที่ลดกำลังในการดูแลรักษาความปลอดภัยในวันนี้ เพราะเกรงใจข้าราชการที่มาปฎิบัติหน้าที่ และเชื่อว่าคงไม่เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะเจ้าหน้าที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น
"วันนี้ ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณ 300 นาย และใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยป้องกันทางอากาศ และผู้ว่าฯ นนทบุรีได้บูรณาการให้ อปพร. มาดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย"
ด้านนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังหวังมีการเจรจารอบ 3 โดยแนวทางเจรจาไม่ควรปิดโอกาส แต่ควรรับฟังความเห็นของคนในสังคมด้วย
สำหรับการถ่ายทอดสดการเจรจาเมื่อวานนี้ที่มีภาพทั้ง 2 ฝ่ายถกเถียงกันนั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การถ่ายทอดสด แต่อยู่ที่ผู้เจรจาที่ไม่เคารพกรอบ แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะกำหนดกรอบเจรจาว่าควรพูดเรื่องไหนไม่พูดเรื่องไหน
"การถ่ายทอดสดมีข้อดี ทำให้เห็นว่า รัฐบาลและ แกนนำฯ ไม่ได้มีข้อต่อรองด้านผลประโยชน์ระหว่างกัน แต่หากไม่มีการถ่ายทอดสด ก็เกรงว่าประชาชนอาจจะมองว่าต่างฝ่ายอาจมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนกัน"นายสาทิตย์ กล่าว
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวเช่นเดียวกันว่า หวังจะมีเจรจจารอบ 3 และเห็นว่ากรอบการยุบสภา 9 เดือนสมเหตุสมผลที่สุดแล้ว