แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ระบุว่า จะไม่มีการเจรจากับรัฐบาลอีก เนื่องจากเห็นว่าต่างฝ่ายมีจุดยืนที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะประเด็นกรอบเวลาในการยุบสภา จึงไม่มีประโยชน์ที่จะเจรจาต่อไป ยกเว้นจะมีการเสนอในเรื่องของกรอบเวลาเข้ามาใหม่ ทาง นปช.ก็พร้อมจะนำมาพิจารณา
"ตราบใดที่มีจุดยืนอย่างนี้ ก็คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้...แต่ถ้าหากรัฐบาลปรับเปลี่ยนเรื่องกรอบเวลา เราก็จะมาขอฟังมติจากประชาชน"นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.กล่าวในการแถลงข่าว
นายจตุพร กล่าวว่า การเจรจาในช่วง 2 วันที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะก่อนหน้านี้เพียงแค่ 2 ประเด็นที่พรรคร่วมรัฐบาลผลักดันก็ไม่เห็นด้วยแล้ว แต่ในการเจรจากลับนำข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ 6 ข้อขึ้นมาพูด ซึ่งน่าจะเป็นการกระทำในลักษณะการซื้อเวลามากกว่า
หรือแม้กระทั่งการที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ยื่นเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและบรรจุเป็นวาระด่วนในการพิจารณาของสภาผู้แทนราฎร แต่ผ่านมาถึง 1 ปีแล้วก็ถูกดองเอาไว้ ไม่เคยหยิบยกมาพิจารณา ขณะเดียวกันท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลในการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ถูกนำมาใช้ต่อรองผลประโยชน์แลกกับการดำเนินโครงการต่างๆ เท่านั้น
สำหรับท่าทีหลังจากนี้ของกลุ่ม นปช.ที่จะเพิ่มมาตรการเข้มข้นในการกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภาตามข้อเรียกร้องนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ในช่วงบ่ายแกนนำจะหารือกัน โดยแต่ละคนจะนำเสนอแนวทางและวิธีการ เพื่อพิจารณาร่วมกันอีกครั้งและจะประกาศในตอนเย็นวันนี้