นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เชื่อว่า การเจรจา 2 ฝ่ายระหว่างรัฐบาลกับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง หากมีการเจรจาในครั้งที่ 3-4-5 ก็คงจะมีข้อยุติในเรื่องการยุบสภา เพราะเชื่อว่าหลังจากที่ทุกฝ่ายได้ระบายความในใจแล้วบรรยากาศก็น่าจะดีขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีรับปากแล้วว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญและแก้ไขกติกาให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ทั้งนี้มองว่าการที่รัฐบาลขอเวลา 9 เดือน ถือว่าน้อยมากหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกฎหมายแต่ละฉบับต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะสามารถบังคับใช้ได้
"เวลา 9 เดือน ถือว่าน้อยมากหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะกฎหมายแต่ละฉบับต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะออกมาบังคับใช้ได้ เมื่อรัฐบาลได้อ่อนให้แล้วก็ไม่ควรมาบีบบังคับกันให้มากกว่านี้ เพราะรัฐบาลเห็นใจประชาชนที่มาชุมนุมว่าได้รับความเดือดร้อน จึงอยากให้กลับบ้าน" นายชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่นักวิชาการหลายคนไม่เห็นด้วยที่ต้องทำประชามติเพื่อถามความเห็นประชาชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายชัย กล่าวว่า เมื่อรัฐธรรมนูญปี 50 มีการทำประชามติมา ดังนั้นเมื่อจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ควรกลับไปสอบถามประชาชนเช่นกัน เพราะการยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งใหม่ทันทีคงทำไม่ได้เนื่องจากต้องมีกฎหมายมารองรับในการจัดการเลือกตั้ง และต้องใช้งบประมาณจำนวนมากอย่างน้อยต้องใช้เวลา 60 วัน ช่วงเวลานี้จึงอยากให้ทุกฝ่ายอย่าสร้างความแตกแยกขึ้นอีก
นายชัย กล่าวว่า เมื่อคืนมีผู้มีอำนาจนอกประเทศบอกให้ประชาชนบีบรัฐบาลเพื่อตัวเอง ก็เท่ากับจะให้คนทั้งประเทศไปช่วยเขาทุกคนแต่ตนเห็นว่าขณะนี้บรรยากาศภายในประเทศดีขึ้นแล้ว ต้องขอขอบคุณกลุ่มเสื้อแดงที่ไม่มารบกวนการประชุมสหภาพรัฐสภา(ไอพียู) ซึ่งคนที่ได้หน้าจึงเป็นคนไทยทั้งประเทศ ยิ่งกว่าการลงทุนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวหลายหมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี การประชุมสหภาพรัฐสภาที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จเกินคาด เพราะจนถึงขณะนี้มีสมาชิกเดินทางมาร่วมประชุมทั้งสิ้น 138 ประเทศจากจำนวน 151 ประเทศ รวมจำนวน 2,030 คนจากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เพียง 1,500 คน เพราะต่างประเทศพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าการเมืองในบ้านของเขาหนักกว่าเมืองไทยหลายเท่า
ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลในการเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันพรุ่งนี้(31 มี.ค.) นายชัย กล่าวว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวน 41 คนยื่นข้อเรียกร้องให้ถอนกำลังทหารออกจากรัฐสภา ซึ่งหากเกิดอะไรขึ้น ส.ส.เพื่อไทยก็ต้องรับผิดชอบ และหากเกิดความวุ่นวายขึ้นจริงก็คงต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม