นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงเป็นเรื่องยากที่จะให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเวลาในการยุบสภาลงมาเหลือ 3 เดือนตามที่นักวิชาการเสนอ โดยเห็นว่ากรอบเวลา 9 เดือนที่นายกรัฐมนตรีเสนอไว้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
"ยากที่จะทำได้ ถ้าทำตามกรอบที่นายกฯคิดไว้ถือว่าดีที่สุดแล้ว" รองนายกฯ กล่าว
พร้อมยืนยันว่า หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมรับเงื่อนไขของรัฐบาล รัฐบาลก็คงจะเดินหน้าทำงานต่อไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของการต่อรองระหว่างรัฐบาลหรือกลุ่มผู้ชุมนุม แต่คิดว่าแนวทางนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
นายสุเทพ มองว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมในขณะนี้หัวใจหลักอยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อว่าเมื่อไหร่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมแยกเป็นอิสระจากการครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณ เชื่อว่าบ้านเมืองจะสามารถเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น
ส่วนหากกลับไปเลือกตั้งแล้วทางพรรคประชาธิปัตย์เคยคาดว่าจะได้ 280 เสียงนั้น นายสุเทพ กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น พร้อมทั้งปฏิเสธที่จะตอบว่ากลัวหรือไม่หากเลือกตั้งรอบหน้าไม่ได้กลับมาเป็นฝ่ายบริหารอีก โดยกล่าวเพียงว่า "พูดไม่ได้"
สำหรับการก่อเหตุระเบิดรายวันนั้น รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ยอมรับว่าติดตามหาผู้กระทำผิดได้ยาก เพราะการทำงานของผู้ก่อเหตุทำเป็นระบบ และมีการวางแผนอย่างดี ขณะนี้การลอบวางระเบิด เช่น บริเวณบ้านนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือ มูลนิธิรัฐบุรุษ ก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเชิงสัญญลักษณ์
พร้อมระบุว่า ฝ่ายความมั่นคงได้แบ่งการก่อเหตุในขณะนี้เป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกใช้ระเบิด M79 และ อาร์พีจี ที่พยายามก่อเหตุในที่ใหญ่ๆ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ เพื่อต้องการเร่งสถานการณ์ให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น กลุ่มสอง มีการก่อเหตุที่ใช้ระเบิดขว้างเข้าไป หรือใช้อาวุธปืนยิง และ กลุ่มสามใช้ประทัดยักษ์ หรือระเบิดปิงปองในการก่อเหตุ เพื่อสร้างความปั่นป่วน
"ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามป้องกันอย่างเต็มที่"นายสุเทพ กล่าว
กรณีที่นายวีระ มุสิกพงษ์ แกนนำ นปช.พูดเชิญชวนกลุ่มผู้ชุมนุมให้เดินทางไปชุมนุมที่หัวหินนั้น ซึ่งจะมีการประชุมระดับผู้นำลุ่มแม่น้ำโขง นายสุเทพ กล่าวว่า จะไม่ยอมให้กลุ่มเสื้อแดงไปล้มการประชุม หากจะเดินทางไปจริงรัฐบาลก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และอยากให้ย้อนไปว่าเมื่อครั้งที่พัทยาก็เสียหายมามากแล้ว จึงไม่อยากให้เกิดเหตุเช่นนั้นอีก
นายสุเทพ กล่าวถึงการวางกำลังที่รัฐสภาในวันนี้ว่า ได้มีการประเมินสถานการณ์แล้ว และเห็นว่าควรจะใช้กำลังเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นและไม่ได้วางกำลังมากจนเกินไป ซึ่งทั้งหมดก็ปรับไปตามสถานการณ์ และจุดประสงค์หลักของรัฐบาล คือ ต้องการให้การทำงานของทางสภาและรัฐบาลบราบรื่นขึ้น
"ยังคิดอยู่ตลอดเวลาว่าอยากไปทำงานที่ทำเนียบฯ แต่ก็ไม่อยากจะผลีผลามอะไรออกไปก่อน เพราะเกรงจะเป็นการท้าทายกลุ่มผู้ชุมนุม ก็จะปรับไปตามสถานการณ์ไป" นายสุเทพ กล่าว