พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)กล่าวยอมรับว่า เป็นเรื่องยากที่จะสามารถป้องกันเหตุระเบิดป่วนรายวันที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ได้ จนอาจกล่าวว่าสุดวิสัยก็ได้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์เหมือนเช่นประชาชนทั่วไปที่สัญจรตามปกติ
กรณีที่มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่บริเวณหน้ามูลนิธิรัฐบุรุษ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจการนำภาพโทรทัศน์วงจรปิดมาให้ที่ประชุมดูเกี่ยวกับกรณีระเบิดที่เกิดขึ้นดังกล่าว แต่ก็ดูได้ยากเพราะภาพวงจรปิดเห็นแต่รถวิ่งไปมาตามปกติดูไม่ออกเลย แต่ก็มีผู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคงจะมีการติดต่อให้มาเป็นพยายานต่อไป
"จะมีรถที่เป็นคล้าย ๆ เหมือนมาดูลาดเลาล่วงหน้าก่อนประมาณ 1 นาที หลังจากนั้นก็จะมีรถจักรยานยนต์ที่ขี่ซ้อน 2 คน ขี่ตามมา ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังก็หยิบวัติถุชนิดหนึ่งมาโยน เมื่อโยนเสร็จแล้วก็จะขับขี่รถจักรยานยนต์เลยไป ผ่านเวลาประมาณ 3-4 วินาที ก็จะมีเสียงดังเกิดขึ้น ซึ่งลักษณะอย่างนี้จะเห็นได้ว่าผู้ที่พยายามก่อเหตุนั้นไม่ได้ต้องเตรียมการอะไรมากก็สามารถก่อเหตุได้"พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
แม้จะป้องกันได้ยาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำไม่ได้เลย ดังนั้น ผบ.ทบ จึงได้มีการเน้นย้ำไปว่าเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่แต่ละจุด บางทีก็อาจจะมีคนประมาณ 3 หรือ 4 คน ในแต่ละจุด โดยแนะนำให้ผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับแต่ละโซนจะต้องไปกำหนดมาตรการในรายละเอียดให้กำลังพลจะต้องเฝ้าตรวจเส้นทางบนถนนอยู่ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วเราจะทำภารกิจได้ไม่ดีเท่าควรและไม่มีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ ได้เน้นย้ำในเรื่องเกี่ยวกับมาตรการในการใช้อาวุธ ซึ่งมาตรการในที่นี้หมายความว่าข้อกำหนดต่าง ๆ ที่กำชับกำลังพล ทหาร ตำรวจที่มีการพกพาอาวุธในการปฏิบัติหน้าจะต้องปฏิบัติไปตามขั้นตอนของการใช้อาวุธ ต้องมีความระมัดระวัง มีความรอบคอบ และต้องเป็นไปตามนั้นจริง ๆ หมายความว่าจะใช้อาวุธโดยพละการไม่ได้ และจะใช้อาวุธในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าผู้ที่จะเข้ามาทำร้ายเป็นใครอย่างนี้ก็ไม่ได้เช่นกัน แต่จะต้องดูในรายละเอียดให้ชัดเจนลงไปว่า เขาประสงค์ที่จะมุ่งมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ถึงแก่ชีวิตหรือจะทำร้ายพี่น้องประชาชนในลักษณะอย่างนี้จริงก็จะต้องดูให้ละเอียดรอบคอบซึ่งตรงนี้ก็มีมาตรการอยู่