นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยระบุว่า การชุมนุมปิดถนนทั้งแยกราชประสงค์ และ ถ.วิภาวดีรังสิต ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงในวันนี้ ถือว่าเป็นการใช้สิทธิเกินขอบข่ายที่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เนื่องจากเป็นการชุมนุมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนโดยรวม
"การชุมนุมที่แยกราชประสงค์วันนี้ ถือว่าใช้สิทธิเกินเลยขอบเขตในรัฐธรรมนูญ เพราะทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า ทราบดีว่าวัตถุประสงค์ที่แกนนำนปช.ยกขบวนไปชุมนุมที่แยกราชประสงค์ในวันนี้เพื่อต้องการให้คนกรุงเทพฯ ได้รับความเดือดร้อนและหวังให้เป็นแรงกดดันมาถึงรัฐบาล รวมทั้งต้องการยั่วยุให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งจะมีกลุ่มที่คอยฉกฉวยโอกาสนี้สร้างสถานการณ์ให้รุนแรงบานปลายได้
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามใช้หลักเจรจากับแกนนำนปช.เพื่อขอให้ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมในบริเวณดังกล่าว โดยย้ำว่ารัฐบาลจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเป็นขั้นตอนและให้เป็นไปตามหลักสากลในการเข้าคลี่คลายสถานการณ์
"ได้ดูช่องทางทางกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะดูว่าในกรณีที่ไม่สามารถพูดคุยได้นั้น วิธีการที่เหมาะสมจะเป็นอย่างไร ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้จะยึดหลักตามรัฐธรรมนูญและหลักตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีตและคำวินิจฉัยของศาล ที่เราดำเนินการอยู่ ก็เป็นไปตามแนวทางนั้น คือพูดคุยเจรจากันก่อนที่จะมีการดำเนินการอย่างอื่น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทั้งนี้รัฐบาลจะส่งตัวแทนในระดับสูงเพิ่มขึ้นไปเจรจากับแกนนำนปช.เพื่อให้ช่วยเปิดเส้นทางการจราจรที่แยกราชประสงค์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง จะมีการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)ในช่วง 17.00 น. เพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมอีกรอบ