พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ระบุว่า แม้รัฐบาลจะได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง แต่รัฐบาลจะใช้แนวทางในการเพิ่มความกดดันให้มากขึ้นในแบบค่อยเป็นค่อยไป
"จะไม่มีการใช้ความรุนแรง ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน แต่จะใช้มาตรการที่ค่อยๆ กดดันกลุ่มผู้ชุมนุม มีการเชิญตัวแกนนำมาตรวจสอบ มาพบ...แต่คงไม่ได้เป็นแบบนี้ไปตลอด เราจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น แต่จะไม่ใช้ความรุนแรง" โฆษก ศอฉ.ระบุ
พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังคงเดินหน้าสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่กลุ่มผู้ชุนนุมว่าการเข้ามาร่วมชุมนุมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและมีโทษทั้งจำคุก ทั้งปรับ ซึ่งหากกลุ่มผู้ชุมนุมเปลี่ยนใจจะเดินทางกลับภูมิลำเนาก็จะจัดรถไว้คอยบริการรับส่งให้
ส่วนการดำเนินการกับสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ตลอดจนสถานีวิทยุที่มีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนความจริง โดยมุ่งหวังที่จะระดมประชาชนเข้ามาชุมนุมใน กทม.มากขึ้นนั้น ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินการกับทั้งสถานีโทรทัศน์และสถานีวิทยุที่เข้าข่ายแล้ว แต่ยืนยันว่าไม่ใช่การปิดสถานี เป็นเพียงแค่การควบคุมเครื่องส่งอาคารไว้ไม่ให้สามารถออกอากาศได้เท่านั้น
"สถานีวิทยุ และสถานีโทรทัศน์นั้น เราได้ไปควบคุมเครื่องส่งอาคารไว้แล้ว เราไม่ได้ปิดสถานี แต่แค่ควบคุมเครื่องส่งอิเล็กทรอนิกส์ไม่ให้ออกอากาศได้...จริงๆ เราสามารถเข้าถึงแหล่งพื้นที่ถ่ายทอดได้ แต่เราเกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้า เพราะฉะนั้นจึงหาวิธีการทางเทคนิคก่อน ซึ่งได้ทำเรียบร้อยแล้ว" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
พ.อ.สรรเสริญ มั่นใจว่า จากขั้นตอนในการดำเนินการตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีผู้มาเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงน้อยลง และรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากการใช้มาตรการกดดันจากระดับเบาไปหาหนัก