องค์กรวิชาชีพสื่อระบุรัฐสั่งตัดสัญญาณพีทีวี-บล็อกเว็บไซต์ขัดรัฐธรรมนูญ

ข่าวการเมือง Thursday April 8, 2010 18:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมเคเบิ้ลทีวีแห่งประเทศไทย ออกแถลงการณ์ร่วมเรื่องการสั่งปิดสถานีสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและเว็บไซต์ โดยอ้างอำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในการปิดกั้นสัญญาณสถานีโทรทัศน์พีทีวี รวมทั้งปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาข่าวสารความคิดเห็นทางการเมือง เช่น เว็บไซต์ www.prachatai.com ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้หารือร่วมกันแล้วมีความเห็นว่า การปิดกั้นสัญญาณของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี และการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ที่แสดงความคิดเห็นดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 45 ที่บัญญัติว่า "การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามมาตรานี้จะกระทำมิได้"

ทั้งนี้ รัฐบาลจะสามารถใช้กฎหมายพิเศษเพื่อจำกัดเสรีภาพของสื่อมวลชนได้ก็เพียงการห้ามเสนอข่าวสาร หรือแสดงความคิดเห็นทั้งหมดหรือบางส่วนเท่านั้น

การที่รัฐบาลกล่าวอ้างว่าการดำเนินการปิดกั้นสัญญาณและการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ดังกล่าว เพื่อป้องกันการบิดเบือนข่าวสาร ทำให้ประชาชนไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ขณะที่รัฐบาลเองยังใช้สถานีวิทยุโทรทัศน์ของรัฐในการเสนอรายการที่มีลักษณะนำเสนอข้อมูลด้านเดียว อีกทั้งยังปล่อยให้สถานีวิทยุและโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมอื่นๆ นำเสนอเนื้อหาในลักษณะใกล้เคียงกัน ซึ่งอาจนำไปสู่ความแตกแยกในสังคมมากขึ้นนั้น ย่อมเป็นการกระทำที่รัฐบาลอาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น"สองมาตรฐาน"และสร้างความชอบธรรมแก่ผู้ชุมนุมมากขึ้น

การปิดกั้นสื่อในลักษณะนี้ย่อมเป็นการปิดกั้นสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชนจึงอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกั้นสื่อดังกล่าวออกมาเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้สถานการณ์มีความซับซ้อนและอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้

องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนขอเรียกร้องให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่รายงานข่าวสารที่เกิดขึ้นในขณะนี้ด้วยความครบถ้วนรอบด้าน โดยนำเสนอความจริงและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วยการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน และระมัดระวังการนำเสนอข่าวที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการยุติปัญหา

ทั้งนี้ การแสดงจุดยืนดังกล่าวของทั้งสองสมาคมเป็นไปตามหลักการของผู้ประกอบวิชาชีพ โดยยึดถือประโยชน์สาธารณะเป็นหลัก ไม่ประสงค์จะให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดนำแถลงการณ์ฉบับนี้ไปใช้ในการสร้างความชอบธรรมให้กับตนเอง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ