พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)ระบุว่า ที่ประชุม ศอฉ.ในช่วงเช้าที่มีนายกรัฐมนตรีร่วมรับฟังรายงานสถานการณ์นั้น ศอฉ.ได้มีมาตรการให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารตามจุดตรวจสกัดต่างๆ อีก 2-3 กองร้อย เพื่อขัดขวางรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์ที่จะออกมาเคลื่อนไหวป่วนเมืองในวันนี้ ซึ่งหากมีการขัดขืนก็สามารถใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเข้าจับกุมได้ทันที
"มาตรการ ศอฉ.ในวันนี้ คือการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในจุดตรวจ จุดสะกัด เราจะป้องกันไม่ให้มีการนำรถจักรยานยนต์ รถยนต์ หรือพาหนะใดๆ ไปป่วนเมือง โดยจะทำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว
นอกจากนั้น โฆษก ศอฉ.ยังย้ำว่า หากพบบุคคลตามที่ถูกออกหมายจับวานนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ทันที
โดยวันนี้จะเชิญเจ้าของอู่รถแท็กซี่ รวมทั้งหัวหน้าวินมอร์เตอร์ไซค์ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อมาทำความเข้าใจต่อแนวทางการปฏิบัติของ ศอฉ. เพราะถือว่ากลุ่มเหล่านี้มีความรับผิดชอบร่วมกัน หากมีการนำรถทั้งแท็กซี่และมอร์เตอร์ไซค์ไปกระทำการอันขัดต่อกฎหมาย
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการตั้งจุดสกัดเพื่อหวังลดปริมาณกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะทยอยเข้ามาสมทบในส่วนกลางเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ยังถือว่าได้ผลค่อนข้างน้อย แต่ก็ทำให้จำนวนผู้ที่มาร่วมชุมนุมลดลงไปจากเดิมที่ประเมินไว้ว่าเวทีแยกราชประสงค์จะมี 2-2.5 หมื่นคน โดยเมื่อคืนเหลืออยู่ 1.2 หมื่นคน ส่วนเวทีสะพานผ่านฟ้าเหลืออยู่ 5-6 พันคน
และล่าสุดจากการตรวจสอบในช่วง 08.00 น.วันนี้ มีจำนวนผู้ชุมนุมรวมกัน 1.5 หมื่นคน แบ่งเป็นเวทีแยกราชประสงค์ 9 พันคน และเวทีสะพานผ่านฟ้า 6 พันคน แต่อาจจะทยอยเพิ่มมากขึ้นในช่วงสายที่แกนนำได้นัดรวมพล
โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์ในภาพรวม ประกอบด้วย การยุติการเสนอข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนผ่านทางสถานี PTV และวิทยุชมชน, การป้องกันการก่อวินาศกรรม ซึ่งสามารถจับกุมการ์ด นปช.ได้ 2 คน บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยตรวจค้นอาวุธหลายรายการ
ส่วนการคืนพื้นที่สาธารณะทั้งในส่วนของสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และสี่แยกราชประสงค์ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการใช้มาตรการกดดันเพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่