นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณแยกคอกวัว ได้ยึดหลักการที่ต้องทำให้กฎหมายบ้านเมืองบังคับใช้ได้ และหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความสูญเสีย และเมื่อลงมือปฎิบัติซึ่งไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่ต้องการขอคืนพื้นที่จากลานพระบรมรูปทรงม้า ถึงแยกจปร. เพื่อเปิดการจราจรจากฝั่งธนบุรีเข้ากทม.ได้สะดวกขึ้น
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ลงมือปฏิบัติการจริง พบว่ามีความซับซ้อนที่ผู้ชุมนุมอาจจะมาด้วยความเชื่อ หรือมีการให้ข้อมูลข่าวสารด้านใดด้านหนึ่ง ที่ทำให้เข้าใจผิดและได้ออกมาต่อต้าน และมีบางกลุ่มที่วางแผน และแฝงตัวเข้ามาดำเนินการมีอาวุธสงคราม ทั้งปืนอาก้า ปืนเอ็ม 16 ลูกระเบิดเอ็ม 79 ทำให้การชุมนุมของผู้ชุมนุมมีภาพซ้อนในหลายมิติ
"จะรู้กันหรือไม่รู้กันตนตอบไม่ได้ แต่ในวันข้างหน้าเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนทุกอย่างก็จะชัดเจนคนที่แฝงเข้ามาพอได้จังหวะก็ยิงเข้ามา ตนได้ติดตามสถานการณ์ทำให้เห็นภาพ และเห็นเหตุการณ์ทั้งจากสื่อมวลชน และ ประชาชนทั่วไปที่ส่งเข้ามาให้ บางภาพก็เป็นยิงถูกยิงผู้ชุมนุมกันเอง บางภาพก็ยิงถูกประชาชนที่ไม่รู้เรื่องด้วย และบางภาพก็ยิงถูกทหาร ทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งรัฐบาลจะเยียวยาทั้งสองฝ่าย" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่เป็นคนรับผิดชอบขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน หรือ ทหาร โดยเฉพาะผู้สื่อข่าว และเพื่อเป็นการลดดีกรีความร้อนแรงของการชุมนุม ขณะนี้จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่กลับมาพักฟื้นกำลังพล
ขณะที่มีเสนอให้รัฐบาลเจรจาเพื่อหาทางออกของปัญหาก็เห็นว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามเจรจามาแล้ว และนายกรัฐมนตรียอมลงเจรจาด้วยตัวเอง ที่มีการถ่ายทอดให้ประชาชนเห็นอย่างชัดเจน แต่ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น แต่รัฐบาลยินดีที่จะให้มีการมาพูดคุยเจรจากันใหม่ เพื่อจะทำให้บ้านเมืองกลับมาสงบสุข และตนเองพร้อมเสียสละ หากทำให้ประเทศกลับสู่ความสงบสุขเรียบร้อยได้ก็ยินดี
อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลไม่จำเป็นจะต้องประกาศกฎอัยการศึก เพราะกฎหมายที่มีอยู่ขณะนี้มีมากพอที่จะให้อำนาจในการแก้ไขปัญหา แต่เห็นว่ากฎหมายใดก็ใช้ไม่ได้ผล หากไม่มีคนเชื่อฟัง และผู้รักษากฎหมายไม่สามารถดำเนินมาตรการทางกฎหมายได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญกลไกของรัฐบาลจะต้องทำให้เต็มที่
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการสืบสวนสอบสวน และรวบรวมข้อมูลที่เกิดขึ้นไปดำเนินการตามกฎหมาย และขอให้ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกลับบ้าน เพื่อให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อยสักระยะหนึ่ง เรื่องที่เป็นประเด็นทางการเมืองค่อยหาทางแก้ปัญหาตามวีถีทางการเมือง ส่วนผู้ที่แฝงตัวกระทำความผิด หรือที่เรียกว่าผู้ก่อการร้าย จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
นายสุเทพ กล่าวอีกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมั่นใจว่าพรรคร่วมรัฐบาลเข้าใจเหตุการณ์ดี เพราะทุกขั้นตอนที่มีการตัดสินใจ และดำเนินการได้แจ้งให้พรรคร่วมรัฐบาลได้รับทราบตลอดเวลา แม้กระทั่งในวันที่จะประกาศ พรก.ฉุกเฉิน หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนก็รับทราบ และร่วมกันแถลงกับนายกรัฐมนตรียืนยันว่าทุกอย่างทำไปเพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
นอกจากนี้ได้ปฎิเสธว่ายังไม่ทราบเรื่องที่ พรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้นายกรัฐมนตีพิจารณาออกพระราชกฤษฎียุบสภา และกำหนดการยุบสภาที่เร็วขึ้น แต่ยอมรับว่า ขณะนี้มีแรงกดดันมาก แต่ตนเองยังไม่ถอดใจ