ดุสิตโพลเผยคนเครียดเพิ่มขึ้นหลังข่าวม็อบปะทะเดือด แนะเร่งสร้างสมานฉันท์

สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 พบว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลต่อความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อการเมืองไทยมากที่สุด คือ 74.12% ระบุว่า เบื่อการเมือง เพราะประชาชนไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งหรือเชื่อใครได้บ้าง การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์และอำนาจ

ส่วนอีก 18.73% ระบุว่า ทำให้ชอบและสนใจการเมืองเพิ่มขึ้น เพราะอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนทางการเมืองครั้งสำคัญของเมืองไทย,อยากรู้เท่าทันสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง, ไม่อยากตกข่าว

ทั้งนี้ประชาชนคิดว่าสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องเร่งแก้ไขโดยเร็วที่สุด 3 อันดับแรก คือ อันดับหนึ่ง 40.37% ควรแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย /เร่งสร้างความสมานฉันท์โดยเร็ว อันดับสอง 17.89% รัฐบาลจะต้องออกมาชี้แจง ทำความเข้าใจกับประชาชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น/เหตุผลความเป็นมาของความรุนแรง และอันดับสาม 15.23% ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจ เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้กลับมาลงทุนในประเทศไทยเหมือนเดิม

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนถึง 54.18% ระบุว่ามีความเครียดเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่งของเมืองไทย ไม่คิดว่าจะมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก, ไม่รู้ว่าการเมืองไทยจะดำเนินไปในทิศทางใดต่อไป ขณะที่อีก 27.52% ระบุว่าเครียดเหมือนเดิม เพราะต้องทำใจยอมรับและคิดว่าเหตุการณ์รุนแรงต้องเกิดขึ้นวันใดวันหนึ่ง

ส่วนทางออกในการแก้เครียด 3 อันดับแรกนั้น อันดับแรก จะหยุดติดตามข่าวการเมืองสักระยะ อันดับสอง หากิจกรรมหรือสิ่งบันเทิงอื่นๆทำแทน เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ และอันดับสาม อาศัยช่วงวันหยุดยาวไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัด

ผลสำรวจดังกล่าว มาจากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,219 คน ระหว่างวันที่ 11-12 เมษายน 2553