นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า พรรคสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง ที่ดำเนินการโดยเด็ดขาดต่อกลุ่มบุคคลที่ใช้กองกำลังติดอาวุธ โดยการก่อการร้ายสร้างความรุนแรง ต่อเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ทั้งนี้ได้ติดตามสถานการณ์ก่อนวันที่ 10 เม.ย. ซึ่งเห็นว่าการขับเคลื่อนทางการเมืองในลักษณะคู่ขนาน คือมีการชุมนุมตามจุดต่าง ๆ โดยการก่อวินาศกรรมในลักษณะคู่ขนานจะเกิดคนละที่ คนละเวลากับการชุมนุมแต่ละครั้ง
ทั้งนี้วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกที่ถือว่า ที่แนวทางคู่ขนานได้มาบรรจบกัน ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้เผชิญหน้ากับผู้ชุมนุมและมีการก่อวินาศกรรมด้วยความรุนแรง
"พรรคสนับสนุนแนวทางของรัฐบาล ในการแยกการปฏิบัติการระหว่างมวลชนออกจากกองกำลัง เพราะข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมเป็นการเรียกร้องทางการเมือง ซึ่งพรรคสนับสนุนให้พรรคหามาตรการทางการเมืองทางการเมืองและการมีส่วนร่วม ของทุกภาคส่วน ในการหาทางออกบนพื้นฐานความสมานฉันท์ต่อไป"
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการของกองกำลัง ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อความมั่นคง ต่อรัฐบาล และประเทศไทย รวมทั้งระบอบการปกครองถือว่าเป็นการที่ต้องการล้มอำนาจรัฐและสถาบันที่อยู่เหนือการปกครองระบอบประชาธิปไตย เรื่องนี้รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการด้วยความเด็ดขาด เพราะมีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ เป็นกระบวนการใต้ดินมีกระบวนการจรยุทธ์ อบรมตามพื้นที่ต่าง ๆ
นอกจากนี้ได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศด้านการข่าวกรองร่วมกันกับการสอบค้นเส้นทางการเงินที่ให้การสนับสนุน การวางเครือข่ายด้านความมั่นคงของการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ได้มีการดำเนินการสร้างความรุนแรง ความวุ่นวาย ทำลายความเชื่อมั่นและสร้างความหวาดกลัวก่อวินาศกรรมและใช้อาวุธสงครามในการปฏิบัติการต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ยืนยันว่า ผู้ที่ดำเนินการในวันนั้นไม่ใช่กองกำลังของฝ่ายรัฐชัดเจน
“ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรีบเร่งสอบและขยายผลจากพยานหลักฐานที่ปรากฎชัดในขณะนี้ และดำเนินการในฐานะที่มีพฤติกรรมของการก่อการร้าย โดยฐานความผิดเป็นฐานความผิดที่ถือว่าใช้กำลังเพื่อล้มล้างรัฐบาล เป็นการกระทำเข้าข่ายกบฎในราชอาณาจักรหวังว่ารัฐบาลจะสามารถสืบเสาะและค้นหาข้อเท็จจริงนำไปสู่การจับกุมผู้ที่ กระทำความรุนแรงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป"นพ.บุรณัชย์ กล่าว
นพ.บุรณัชย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้รับทราบว่ามีขบวนการที่ใช้คลิปจากแหล่งต่าง ๆ มาตัดต่อ โดยหวังผลทางการสร้างความเข้าใจที่ผิดและบิดเบือนความจริง เช่นเดียวกับการดำเนินการในเรื่องคลิปเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้หลายฝ่ายได้ติดตามและมีขบวนการที่สามารถยืนยันถึงความถูกต้องของข้อมูลเพื่อนำไปสู่การดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่า กังวลว่าอาจจะมีบางฝ่ายบิดเบือนเหตุการณ์วันที่ 10เม.ย.ที่ใช้การตัดต่อคลิปภาพเคลื่อนไหวจากแหล่งต่างๆ