นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงกรณีแกนนำกลุ่มเสื้อแดงประกาศจะชุมนุมจนกว่าจะยุบสภา ว่า ตนก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย จะให้สั่งกำลังเข้าไปเอาพื้นที่คืน มันก็จะเกิดเหตุบาดเจ็บ ล้มตาย คนไทยด้วยกันตนไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น แต่ถ้าผู้ชมนุมออกไปก่อกวน รังควานผู้บริสุทธิ์ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปราบปรามดำเนินการ
"ผมไม่คิดว่า คนกทม.เป็นสิบล้านคน ถ้าเขาแสดงอาการไม่พอใจ ไม่เห็นด้วยพร้อมเพรียงกันจะอยู่กันอย่างไร เกิดอยู่ๆไปซื้อน้ำ ซื้ออาหารก็ไม่มีใครขายให้ จะเป็นอย่างไร ถ้าจะชุมนุมกันอยู่ 3-5 เดือน และไม่มีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นตนก็ไม่ว่า แต่ถ้าทางหนึ่งชุมนุม ทางหนึ่งก็ก่อการร้าย ปนกันไปมา ออกไปก่อเหตุแล้วกลับมาซ่อนตัวในกลุ่มผู้ชุมนุม แล้วก็ออกไปยิง เจ้าหน้าที่ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ต้องตัดสินใจเด็ดขาด เป็นอย่างไรเป็นกัน" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า จะทำให้ดีที่สุด จะไม่ปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต้องทำให้ได้ภายใน 3 วัน 5 วัน โดยเหตุการณ์ที่เกิดอย่างวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนก็ต้องชั่งใจและรอบคอบ แรงกดดันที่กดมานี้ ตนยินดีแบกรับไว้โดยไม่ปฏิเสธหน้าที่ความรับผิดชอบจะทำให้ดีที่สุด
ทั้งนี้จะพิจารณาตามสถานการณ์ ที่จะใช้แนวทางยึดพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุมอยู่หรือไม่ ตนเป็นห่วงประชาชนกทม. และห่วงความรู้สึกของประชาชนทั้งหลาย ถ้าประชาชนจะลุกขึ้นมาแสดงความไม่เห็นด้วย ด้วยวิธีการใดๆที่ไม่ใช่วิธีลุกขึ้นมาตีกันอย่างนั้น ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง
นายสุเทพกล่าวว่า ในการแก้ปัญหาบ้านเมือง ทางศอฉ.ได้วางแนวทางไว้ว่า จะต้องแยกประชาชนที่มาจากชุมนุมออกจากผู้ก่อการร้ายให้ได้อย่างชัดเจน โดยผู้ชุมนุมสามารถชุมนุมได้ตามปกติ แต่ผู้ก่อการร้ายต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยสั่งการให้ตำรวจตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาสืบสวนสอบสวนเอาตัวผู้ก่อการร้ายเหล่านี้มาดำเนินการตามกฎหมาย เพราะขณะนี้มีหลักฐานจากภาพถ่ายที่สื่อมวลชนและประชาชนได้ถ่ายส่งมาให้ ซึ่งตำรวจพอระบุได้ว่า คนที่ถือปืนอาก้า เอ็ม 16 เอ็ม 79 ชื่ออะไร บ้านอยู่ไหน ซึ่งจะมีการดำเนินการออกหมายจับ เพื่อมาดำเนินคดี จะปล่อยให้ผู้ก่อการร้ายเดินลอยนวลอยู่ในประเทศไม่ได้ นอกจากนี้ยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามปืนที่เจ้าหน้าที่ทหารนำใส่รถไปไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งโดนกลุ่มคนเสื้อแดงแย่งไป เพราะหากปล่อยเกรงว่าจะเป็นอันตราย