นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศอฉ. อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 11(2) ออกคำสั่งเรียกบุคคลที่เป็นนักการเมืองและนักธุรกิจจำนวนประมาณ 60 คน มารายงานตัวต่อ ศอฉ.ว่า ผู้ใหญ่ในพรรคและทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยประชุมหารือกันแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นการใช้อำนาจโดยไม่สุจริต และบิดเบือน
ดังนั้นผู้ที่ได้รับหนังสือของ ศอฉ.จึงต้องมาพิจารณาดูว่าสมควรหรือไม่ที่จะต้องยอมรับอำนาจดังกล่าว เพราะลักษณะการใช้อำนาจเหมือนกับประเทศอยู่ในภาวะของการปฏิวัติ รัฐประหาร ซึ่งเป็นการใช้อำนาจอย่างอำเภอใจ ใช้อย่างไรกับใครก็ได้ โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม
สำหรับสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่ได้รับหนังสือดังกล่าว จะให้ทนายความดำเนินการเพื่อขอทราบประเด็นว่า ศอฉ.ต้องการให้ชี้แจงเรื่องอะไร หลังจากนั้นก็จะส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือให้ทราบ แต่จะไม่ไปชี้แจงด้วยตนเอง เพราะเห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวเป็นเพียงเกมการเมืองของรัฐบาล เพื่อต้องการสร้างข่าวและทำลายคู่แข่งทางการเมือง โดยหวังผลในการทำลายขวัญกำลังใจของผู้ชุมนุม
"พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และกรรมการ ศอฉ.ทุกคน ยุติการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯได้แล้ว เพื่อให้สังคมกลับคืนสู่ความสงบสุขต่อไป" นายพร้อมพงศ์ กล่าว
นอกจากนี้ ตนและฝ่ายกฎหมายจะยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ(กคพ.) เพื่อคัดค้านกรณีที่นายกรัฐมนตรีจะนำเหตุการณ์สลายการชุมนุมเข้าพิจารณาเป็นคดีพิเศษ เพราะการตายของผู้ชุมนุมเป็นการตายโดยผิดธรรมชาติและเป็นการตายอันเกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานที่อ้างว่าปฏิบัติการตามหน้าที่ จึงต้องมีการดำเนินการชันสูตรพลิกศพและเข้าสู่กระบวนการไต่สวนการตายโดยศาลยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150 เพื่อจะได้รู้ถึงสาเหตุการตาย และผู้ที่ทำให้ตาย อันเป็นกระบวนการที่ทุกฝ่ายยอมรับ