นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ในฐานะประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาฯ ได้ตอบรับเป็นหัวหน้าทีมในการต่อสู้คดียุบพรรคแล้ว ซึ่งคณะทำงานฯ จะนัดประชุมในประเด็นของข้อกฎหมาย โดยเชิญฝ่ายเหรัญญิกและนายทะเบียนพรรคในสมัยที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค มาให้ข้อมูลเป็นลำดับแรก ส่วนนายบัญญัติ, นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตเลขาธิการพรรค และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองเลขาธิการพรรค จะเชิญมาให้ข้อมูลในการประชุมครั้งต่อไป
นอกจากนี้ คณะทำงานฯ จะได้หารือถึงการยื่นคำร้องขอคัดค้านคำสั่งของนายทะเบียนพรรคการเมืองไปยังศาลปกครอง โดยจะขอให้ระงับการส่งฟ้อง และขอให้ศาลไต่สวนว่ามติ กกต.ดังกล่าวมิชอบ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาหนึ่งในการสืบพยาน ถือเป็นการต่อสู้ยกแรกก่อนไปว่ากันในศาลรัฐธรรมนูญ
"คำสั่งของนายทะเบียนพรรคการเมืองถือเป็นคำสั่งทางปกครอง เพราะศาลปกครองเองก็เคยยกเลิกการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2548 เพราะหันคูหาผิดด้านมาแล้ว ส่วนตัวไม่ห่วงกรณีเงิน 258 ล้านบาท เท่ากับกรณีเงินกองทุนฯ 29 ล้านบาท" นายนิพิฎฐ์ กล่าว
ประธานคณะทำงานฯ กล่าวว่า เนื่องจากกรณีเงินกองทุนฯ จำนวน 29 ล้านบาท เป็นเรื่องทางเทคนิคในการทำบัญชี ที่อาจต้องไปว่ากันในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ปชป.มีอายุ 64 ปี ไม่มีเหตุผลที่จะถูกยุบด้วยเรื่องทำบัญชีผิดพลาดที่ผ่านมา
"ผมยังไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใหญ่ๆ ถูกยุบด้วยเรื่องนี้มาก่อน อย่างพรรคไทยรักไทย พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็ถูกยุบด้วยข้อหาทุจริตการเลือกตั้ง ขณะที่พรรคเล็กส่วนใหญ่ ถูกยุบด้วยข้อหา หาสมาชิกได้ไม่ครบ 50,000 คน ไม่จัดตั้งสาขาพรรค 4 ภาค หรือไม่ประชุมใหญ่สามัญพรรคตามที่กฎหมายกำหนด ไม่เคยเห็นพรรคไหนถูกยุบเพราะทำบัญชีผิดมาก่อน" นายนิพิฎฐ์ กล่าว
เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติเสียงข้างมากให้ส่งเรื่องให้อัยการเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรค ปชป.ในคดีเงินบริจาคเข้าพรรคจำนวน 258 ล้านบาท และคดีเงินกองทุนเพื่อพัฒนาพรรคการเมือง 29 ล้านบาทที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์