กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ภายหลังประชุมสมาชิกทั่วประเทศที่มหาวิทยาลัยรังสิต เรื่อง "ฝ่าวิกฤติการเมืองไทย ปฏิรูปใหญ่อย่างรอบด้าน" โดยมีมติให้เวลารัฐบาล 7 วัน ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดกับขบวนการก่อการร้ายที่แฝงอยู่ในผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง แต่หากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ทางกลุ่มพันธมิตรฯ จะขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการออกมาปกป้องประเทศชาติและสถาบัน
"รัฐบาลจะต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการกับขบวนการก่อการร้ายของระบอบทักษิณอย่างเคร่งครัดและเต็มประสิทธิภาพขั้นเด็ดขาดโดยทันที และภายใน 7 วัน หากรัฐบาลยังไม่ดำเนินการใดๆ จนส่งผลทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงและเป็นอันตรายต่อชาติและราชบัลลังก์ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะทำหน้าที่พลเมืองตามรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์รักษาชาติและราชบัลลังก์ทันที" แถลงการณ์ ระบุ
ส่วนในแถลงการณ์ฉบับก่อนหน้านี้ของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.53 ที่ได้ประกาศไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นโดยการทำงาน 3 ประสานภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง นักการเมืองในระบอบทักษิณ และกองกำลังติดอาวุธ และเมื่อเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย.53 ได้เกิดขึ้นตามที่ได้ประกาศเตือนเอาไว้แล้ว ย่อมเป็นการยืนยันข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่งว่ากลุ่มการก่อการร้ายที่สังหารทหารและประชาชนนั้น อยู่ในขบวนการเดียวกันของระบอบทักษิณเป็นที่ประจักษ์อย่างชัดเจน
ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องต่อแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงให้เห็นแก่ชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนคนเสื้อแดง หยุดนำศพของประชาชนคนเสื้อแดงที่ถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้ายของระบอบทักษิณมาเป็นเครื่องสังเวยสร้างกระแสความเกลียดชัง เพียงเพื่อเอาชนะล้มล้างรัฐบาล
"ขอให้ยุติโฆษณาชวนเชื่อนำชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์มาเป็นเหยื่อในการเป็นโล่มนุษย์ให้กับผู้ก่อการร้ายและแกนนำคนเสื้อแดง และขอให้แกนนำคนเสื้อแดงแสดงจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ด้วยการประกาศสลายการชุมนุมเพื่อรักษาชีวิตและเลือดเนื้อประชาชนผู้ชุมนุมและแกนนำคนเสื้อแดงซึ่งเป็นพวกเดียวกันเอง มิให้ตกเป็นเหยื่อสังหารของผู้ก่อการร้ายของระบอบทักษิณต่อไป" แถลงการณ์ ระบุ
ในแถลงการณ์ของกลุ่มพันธมิตรฯ ยังเห็นว่า ผู้ชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงบางส่วนได้หลงผิดเข้ามาในที่ชุมนุม เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมทาง การเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ดังนั้นแนวทางในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้รัฐบาลจะต้องแสดงความจริงใจเป็นเจ้าภาพเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยทันที