นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เป็นประธานประชุมผู้แทน 10 หน่วยงานตามที่รัฐบาลแต่งตั้งให้ร่วมสืบสวนสอบสวนกรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.53 ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) รับไว้เป็นคดีพิเศษในคดีการก่อการร้าย ข่มขู่คุกคามรัฐ ทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์
ทั้งนี้นายธาริตแจ้งให้ผู้แทน 10 หน่วยงานๆ ละ 5 คน รับคำสั่งแต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 33 เพื่อให้มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ และจะวางแนวทางกำหนดทิศทางการสอบสวนแต่ละคดี รวมทั้งแต่งตั้งหัวหน้าชุดในแต่ละคดี
สำหรับกฎหมายที่นำมาใช้ในการสืบสวนสอบสวนกรณีนี้ ประกอบด้วย ประมวลกฎหมายอาญาความผิดฐานเป็นกบฎ ความผิดฐานก่อการร้าย สมคบและสนับสนุนการก่อการร้าย ความผิดต่อเจ้าพนักงาน ความผิดเกี่ยวกับความสงบสุขของประชาชน ความผิดเกี่ยวกับการก่อให้เกิดภยันตรายแก่ประชาชน ความผิดต่อชีวิตและร่างกาย ความผิดต่อเสรีภาพ และความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
นอกจากนี้ ยังมี พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 และ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551
นายธาริต กล่าวว่า ที่ประชุมได้เชิญคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย นอกเหนือจากหน่วยงานทั้ง 10 หน่วยงาน เนื่องจากข้อกล่าวหาเป็นความผิดฐานก่อการร้าย ที่จะต้องสืบสวนสอบสวนเป็นหนึ่งในความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงินของ ปปง.ด้วย
นอกจากนี้ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการย่อยอีก 7 ชุด เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล โดยวันพรุ่งนี้(19 เม.ย.) จะเริ่มสอบสวนพยานซึ่งจะเป็นพยานฝ่ายคู่กล่าวหาจาก ศอฉ. โดยชุดพนักงานสอบสวนจะประชุมหารือกันอีกครั้งในวันที่ 21 เม.ย.
นอกจากนั้นวันที่ 20 เม.ย.ตนจะเดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) และ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. เพื่อหารือและจัดแบ่งคดีที่จะต้องอยู่ในอำนาจของดีเอสไอ และบช.น.