นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ตามที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดงประกาศว่าอาจจะไปชุมนุมปิดถนนสีลมนั้น ศอฉ.มีแนวทางชัดว่าจะไม่ให้การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงขยายพื้นที่จากบริเวณแยกราชประสงค์ไปยังบริเวณอื่นๆ
ทั้งนี้ ศอฉ.จะแจ้งเตือนล่วงหน้าในการเตรียมการและมอบหมายให้ตำรวจดูแลควบคุมไม่ให้มีการขยายพื้นที่ โดยรัฐบาลขอแจ้งกับประชาชนชนว่ารัฐบาลจะดำเนินการอย่างจริงจัง และไม่ต้องการให้มีการปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม ดังนั้นขอให้ผู้ชุมนุมรักษากฎกติกาด้วย
นายปณิธาน กล่าวว่า ศอฉ.รับทราบการดำเนินการของตำรวจในหลายพื้นที่ที่มีการตั้งด่านและจุดตรวจสอดส่องดูแลบุคคลที่มาชุมนุมโดยเฉพาะ หากมาชุมนุมโดยผิดกฎหมายซึ่งตอนนี้มีการยึดรถและดำเนินคดีในหลายด่านแล้ว ยืนยันเจ้าหน้าที่ดำเนินการเคร่งครัดรัดกุมสกัดจับบุคคลผิดกฎหมายเข้ามาในพื้นที่ชุมนุม
นอกจากนี้ฝ่ายกฎหมายรายงานให้นายสุเทพ ทราบว่าการออกคำสั่งเรียกตัวบุคคลกว่า 50 คนตามอำนาจใน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น พบว่าเข้ามารายตัวแล้ว 21 คน ส่วนบุคคุลที่เหลือจะตรวจสอบว่าได้รับคำสั่งเรียกตัวตามกระบวนการแล้วหรือไม่ หากครบถ้วนแล้วฝ่ายกฎหมายจะออกหมายจับบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว
นายปณิธาน ยังขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการโรงแรมในพื้นที่การชุมนุมโดยเฉพาะประตูน้ำ ราชประสงค์ ราชเทวี และปทุมวัน ว่า หากบุคคลที่เข้าพักนั้นมีหมายเรียก หรือหมายจับตามคำสั่งของทางราชการ ก็ขอให้สถานประกอบการนั้นให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ไม่ให้ที่พักพิงแก่บุคคลเหล่านั้น
อย่างไรก็ดี ในช่วงบ่ายวันนี้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ได้เดินทางมารายงานตัวที่ ศอฉ.ตามหมายเรียก พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีบทบาททั้งกับกลุ่มคนเสื้อแดงหรือพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว อีกทั้งปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้แก่กลุ่มเสื้อแดงตามที่เป็นข่าวว่า และไม่ได้เป็นคนกลางที่รับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงเช่นกัน