นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทางศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีการวางแนวทางชัดเจนที่จะไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมขยายพื้นที่ชุมนุมไปบริเวณอื่น โดยจะรักษาพื้นที่เดิมไว้
ส่วนแนวทางการปฎิบัติและยุทโธปกรณ์ที่เจ้าหน้าที่ใช้ยังไม่แตกต่างจากทุกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ติดผู้ชุมนุมยังไม่มีการติดอาวุธ แต่เจ้าหน้าที่บริเวณด้านนอกโดยรอบบริเวณตึกสูง บริเวณมุมอับ และตามตรอกซอกซอยจะมีอาวุธประจำกาย เพื่อป้องกันตนเองและการกระทำที่อาจรุนแรงจากผู้ไม่หวังดี ซึ่งการปฏิบัติการทั้งหมดมีผู้บบัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง
ความคืบหน้าการให้บุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมมารายงานตัวนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้มีการแจ้งเตือนไปยังอีก 31 คนที่ยังไม่มารายงานตัว ซึ่งหากยังไม่มาก็คงจะมีการออกหมายจับ ส่วนที่ได้มารายงานตัวแล้วจำนวน 21 คนทั้งวินมอเตอร์ไซด์ นักธุรกิจ และนักการเมือง ถือว่าให้ข้อมูลและมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มาก ทำให้ป้องกันปัญหาได้มากขึ้น
"เจ้าหน้าที่ก็มีการปฎิบัติตามหลักสากลและปฎิบัติอย่างสร้างสรรค์ ทำตามกฎหมาย ถือเป็นความร่วมมือที่ดี" นายปณิธาน กล่าวผ่านรายการสถานีโทรทัศน์
นอกจากนี้ ทาง ศอฉ.ได้ประสานไปยังโรงแรม ผู้ประกอบการต่าง ๆ ทั้งในเขตพื้นที่ชุมนุม สีลม ปทุมวัน ราชเทวี ราชประสงค์ ว่าการให้ที่พักพิงกับแกนนำหรือผู้ชุมนุมถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย
ขณะที่การดำเนินคดีก่อการร้าย 10 เม.ย.คืบหน้าไปมาก โดยทางศอฉ.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเป็นผู้ร้องทุกข์
"การเดินหน้าในการบังคับใช้กฎหมายถือว่าเดินหน้าพอสมควร"นายปณิธาน กล่าว