นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.)เตรียมเข้ายื่นเรื่องต่อศาลแพ่งในวันนี้เพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีกับคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)กรณีสั่งตัดสัญญาณ PTV พร้อมจำกัดการเสนอข่าว โดยเฉพาะในสื่อท้องถิ่น
การกระทำดังกล่าวถือเป็นการแทรกแซงและละเมิดเสรีภาพสื่อมวลชน รวมถึงละเมิดสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน บังคับให้ประชาชนรับรู้ข่าวเฉพาะด้านของรัฐบาลเพียงด้านเดียว ถือว่าผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 วรรค 3 และมาตรา 46 วรรค 3 วันที่ 19 เม.ย. จะยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวให้สามารถ เปิดสัญญาณพีทีวี ในระหว่างที่รอคำพิพากษาของศาลด้วย
ขณะนี้ได้รวบรวมพยานทั้งบุคคลในส่วนของเจ้าหน้าที่ บมจ.ไทยคม(THCOM)ผู้เชี่ยวชาญที่มีส่วนในการเสนอและพิจารณาการตรา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวมถึงพยานเอกสาร ไว้ประกอบการไต่สวนของศาลไว้พร้อมแล้ว
ส่วนกรณีข้อเรียกร้องของภาคประชาชน ที่เช้าวันนี้มีการนำหนังสือมายื่นต่อพรรคเพื่อไทยให้เป็นตัวแทนช่วยเรียกร้องคืนสิทธิการรับรู้แก่ประชาชนนั้น พรรคก็จะส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมาธิการการสื่อสารโทรคมนาคมต่อไป โดยนายคมเดช ชัยศิวามงคล คณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม ได้รับเรื่องเพื่อเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมให้พิจารณาเร่งด่วนแล้ว
ขณะเดียวกันยังจะเริ่มส่งหนังสือเปิดผนึกถึงสื่อมวลชนทุกแขนง รวมถึงสมาคมวิชาชีพสื่อทั้งในและต่างประเทศขอให้เสนอข่าวอย่างถูกต้อง รอบด้าน และเป็นกลาง เพื่อลดความขัดแย้งที่รุนแรงในสังคมไทย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า ตนเองและทนายความได้รับมอบอำนาจจากญาติของนายทศชัย เมฆงามฟ้า เสื้อแดงที่ถูกยิงด้วยกระสุนปืนและเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลกลาง จากเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.เพื่อเดินทางเข้ายื่นหนังสือและแจ้งความร้องทุกข์เอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะผอ.ศอฉ. ที่เป็นผู้สั่งให้มีการสลายการชุมนุมที่บริเวณเวทีสะพานผ่านฟ้าฯ
นายกฯ และนายสุเทพ ร่วมกันออกคำสั่งให้ใช้กำลังทหาร อาวุธ เข้าปฏิบัติการสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต รวมทั้งนายทศชัย ถือเป็นตัวการหรือผู้ใช้ให้กระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289 มาตรา82, 83 และ 84 รัฐบาลเข้าสลายการชุมนุมโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดการสูญเสียแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของผู้ชุมนุม
ญาติของผู้เสียชีวิตจึงมอบอำนาจให้ทนายความมาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อให้ดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว และขอให้ชันสูตรพลิกศพอีกครั้ง โดยแจ้งให้พนักงานอัยการแพทย์และเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองได้ร่วมกันชันสูตรศพของผู้เสียชีวิตก่อน แล้วขอให้ส่งสำนวนการชันสูตรพลิกศพไปให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนสาเหตุการตายต่อไป