พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) เปิดเผยผลการประชุมว่า ขณะนี้ได้เตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 กองร้อย ทหาร 3 กองร้อย รวม 4 กองร้อยเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ขวางเส้นทางรถไฟและสกัดการเดินทางของเจ้าหน้าที่ทหารที่ จ.ขอนแก่น ที่จะไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ จะใช้วิธีการเจรจาก่อน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 และผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 พร้อมกันนี้ จะมีการออกหมายเรียกนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ตามหมายเรียกเข้ามารายงานตัว เนื่องจากพบว่ามีความเชื่อมโยงกันระหว่างสถานการณ์ที่กรุงเทพมหานครและสถานการณ์ในจังหวัดขอนแก่น
"ถ้าหากการเจรจาไม่เป็นผล ทางเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้จัดเตรียมกำลังตำรวจ 1 กองร้อย ทหาร 3 กองร้อยใช้คลี่คลายสถานการณ์ตรงนั้น ขณะเดียวกัน ทางศอฉ.ได้พิจารณาเห็นแล้วว่าได้มีการติดต่อระหว่างแกนนำในพื้นที่กรุงเทพฯ คือนายจตุพรกับทางกลุ่มผู้ดำเนินการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าสถานการณ์ในกรุงเทพกับสถานการณ์ในจังหวัดขอนแก่นเชื่อมโยงกัน ศอฉ.จะมีการออกหมายเรียกบรรดาแกนนำให้มารายงานตัว ถ้าไม่มาจะผิดตาม พ.ร.ก.มีโทษ 2 ปีและปรับ 4 หมื่นบาท"
ทั้งนี้ ทาง ศอฉ.ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลพื้นที่สีลม ไม่ให้เกิดการปะทะ ภายหลังเกิดการปะทะระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและคนเสื้อหลากสีเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้จะให้เจ้าหน้าที่รักษาด่านสกัดให้มีความแข็งแรง เพื่อไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงขยายพื้นที่หรือย้ายไปไหนอีก
พร้อมกันนี้ ทาง ศอฉ.จะมีการจัดกองกำลังเคลื่อนที่เร็วและติดอาวุธ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 6 กองร้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.ไปยังสถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งลาดตระเวนไปตามพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันเหตุร้ายและการก่อวินาศกรรม
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขณะนี้ทางฝ่ายทหารยังไม่มีแนวคิดที่จะประกาศกฎอัยการศึกเพื่อควบคุมสถานการณ์ เพราะการใช้อำนาจตาม พ.รก.ฉุกเฉินยังเพียงพอในการควบคุมสถานการณ์ หรือแม้กระทั่งหากทหารจะเข้าไปสลายการชุมนุนม
"วันนี้ไม่ได้คิดเรื่องนั้น สถานการณ์ทุกอย่าง เราไม่ต้องการอำนาจ แต่เราต้องการบังคับใช้กฎหมาย และ พ.ร.ก.ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว หากเราจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ พ.ร.ก.ก็มีอำนาจเพียงพอ"
โฆษก ศอฉ.แสดงความเป็นห่วงต่อการตั้งด่านโดยใช้ไม้เหลาแหลม ยางรถยนต์และลวดหนามจำนวนมาก เพราะเกรงว่าหากเจ้าหน้าที่จะเข้าไปขอคืนพื้นที่อาจจะเป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุมได้
อย่างไรก็ตาม ทาง ศอฉ.ได้ดำเนินการพัฒนาวิธีการสื่อสารกับผู้ชุมนุมในพื้นที่ทุกรูปแบบเพื่อชี้ให้เห็นว่าในพื้นที่ที่ชุมนุมกันอยู่นั้น ไม่ได้รับความปลอดภัยและทั้งเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความสะดวกหากผู้ชุมนุมจะขอออกจากพื้นที่ แม้ว่าจะไม่มีบัตรประชาชนก็ตาม และการออกจากพื้นที่ในขณะนี้ยังถือว่าไม่มีความผิดแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ ศอฉ.จะดำเนินการยับยั้งป้องกัน ไม่ให้มีการเติมคนเข้ามาในพื้นที่ราชประสงค์
"เวลาของท่านเหลือน้อยลงเรื่อยๆที่จะออกจากพื้นที่ เราไม่อยากให้ประชาชนไม่ได้รับความปลอดภัยหากเจ้าหน้าที่จะเข้าปฏิบัติการขอพื้นที่คืน กลุ่มคนที่ไม่หวังอาจจะมีการใช้อาวุธ และอาจจะมีลูกหลงโดนท่านแน่นอน"โฆษก ศอฉ.