"สุเทพ" สั่งเสริมกำลังป้องกันเหตุปะทะม็อบแดง-สีลม ปัดรัฐบาลจัดตั้ง

ข่าวการเมือง Thursday April 22, 2010 13:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กล่าวถึงเหตุปะทะระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงกับประชาชนชาวสีลมเมื่อคืนวัน ที 21 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้รับทราบรายงานตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ ซึ่งน่าเสียดายว่าไม่ควรเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น เพราะมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บ เกิดความเสียหายเสียใจกันทุกฝ่าย โดยเฉพาะชาวต่างชาติคงรู้สึกไม่ดีต่อประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุ ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 21 เม.ย.จนถึงเช้าวันที่ 22 เม.ย.ได้ย้ำให้ตำรวจวางแผนเสริมกำลังเพิ่มเติมเนื่องจากเกรงว่าจะมีการยกระดับความขัดแย้งเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น

ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อหลากสีได้ชุมนุมตามที่ต่างๆโดยรอบ กทม.เกรงว่าจะ เกิดการปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คิดว่าประชาชนชาว กทม.จำนวนมาก ทนไม่ได้กับพฤติกรรมของคนเสื้อแดงจึงลุกขึ้นมาแสดงความไม่เห็นด้วย ต่อต้าน ซึ่งอยากขอร้องให้ประชาชนช่วยระมัดระวังว่าการแสดงออกซึ่งความไม่เห็นด้วยนั้น สามารถกระทำได้ แต่ต้องระวังไม่ให้เป็นชนวนจนเกิดการปะทะกัน

ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่เกิดขึ้นที่สีลมนั้นเป็นการจัดตั้งโดยรัฐบาลนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คนเสื้อแดงกล่าวหาได้ทุกเรื่อง แต่ประชาชนสามารถใช้วิจารณญาณไตร่ตรองได้ รัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปจัดตั้งม็อบออกมาสู้กับคนเสื้อแดง แต่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย การที่ประชาชนมีความรู้สึกและคิดออกมาอย่างนี้ถือเป็นธรรมชาติของคนที่ถูกกดดันนานๆ ย่อมทำให้เกิดอารมณ์ขึ้นบ้าง ในเมื่อคนเสื้อแดงมายึดถนนใจกลาง กทม.นานกว่า 2 เดือนทำให้คนกทม.เดือดร้อน จึงเป็นธรรมดาที่เขาต้องแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาบ้าง แต่ทุกคนต้องมีสติ ไม่ใช่แสดงออกจนทำให้เกิดปัญหามากขึ้นไปอีก

ส่วนกังวลหรือไม่ว่าเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างคนเสื้อแดงกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยจะเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องช่วยกันเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงาน ตนเองก็กดดันตำรวจเพาะตำรวจต้องทำให้แข็งแรงและเข้มแข็งกว่านี้ ในเมื่อตำรวจมีหน้าที่รักษาความสงบประชาชนมีเรื่องกัน ตำรวจจะยืนเฉยอยู่ไม่ได้ ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศฝ่าทุกด่านของเจ้าหน้าที่นั้น ตนได้สั่งการตำรวจไปแล้วว่าต้องรักษาสถานการณ์ให้ได้ ต้องอยู่ตรงกลาง ไม่ให้ประชาชนเขาทำร้ายกัน

ส่วนจะบังคับใช้กฎหมายกับม็อบกลุ่มอื่นนอกจากคนเสื้อแดงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ต้องไปศึกษารายละเอียดของพ.ร.ก.ฉุกเฉินให้ดี เพราะในกฎหมายดังกล่าวระบุห้ามการชุมนุม 4 ประเภท อาทิ ชุมนุมแล้วกีดขวางจราจร ชุมนุมลักษณะปลุกปั่นยุยง ทำให้คนมีพฤติกรรม เป็นภัยต่อความมั่นคง ข่มขู่ ทำให้บุคคลเสียอิสรภาพ

ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นที่สีลมเข้าข่ายกระทำผิดพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่นั่นไม่ใช่การชุมนุมถาวร แต่เกิดกรณีวูบวาบมากกว่า ส่วนจะสามารถเอาผิดกับกลุ่มคนที่ปะทะกับคนเสื้อแดงที่สีลมได้หรือไม่นั้น คงต้องดูตามคดีไป

นายสุเทพ กล่าวถึงสถานการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นยึดรถทหารนั้นว่า ได้สั่งให้ตำรวจรายงานความคืบหน้าอยู่เป็นระยะๆ ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ที่กีดขวางทหารนั้นคงต้องใช้เวลา ซึ่งคนที่มีหน้าที่ก็ติดตามรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อถามว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่นเกิดขึ้นซ้ำ 2 หนแล้ว ศอฉ.จะมีมาตรการใดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ใช้มาตรการในการรักษากฎหมายตามปกติ และเมื่อเกิดเรื่องขึ้นตำรวจก็ต้องเข้าระงับเหตุ ในเมื่อมีการกักกันหน่วยเหนี่ยวทำให้บุคคล เสียอิสรภาพ ตำรวจก็ต้องเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนการจะส่งกำลังไปขัดขวางไม่ให้ คนเสื้อแดงทำอีก คงจะทำไม่ได้ เพราะเราคาดเดาไม่ได้ว่า คนเสื้อแดงเขาคิดจะทำอะไรมากไปกว่านี้ อย่างไรหรือไม่ จะไปคอยตามขัดขวางทั้งหมดคงไม่ได้ แต่มีหน้าที่ต้องไปแก้ไขเมื่อเกิด เหตุ

ผอ.ศอฉ. กล่าวถึงการยิงอาร์พีจีไปที่ถังบรรจุน้ำ มันขนาดใหญ่ย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานีว่า เคยบอกแล้วว่าคนเหล่านี้เป็นผู้ก่อการร้าย เพราะมีการใช้จรวดอาร์พีจียิงเข้าไปที่ถังน้ำมัน ซึ่งเป็นบริษัทที่ส่งน้ำมันไปให้สนามบินสุวรรณภูมิทั้งหมด ทำให้เห็นชัดเจนและเห็นธาตุแท้ของพฤติกรรมของกลุ่มผู้ก่อการร้ายชุดนี้ได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากเขาตั้งใจที่จะให้กทม.ทั้งเมืองไม่มีไฟฟ้า ใช้จากกรณีที่ไปวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูง และยังต้องการให้เที่ยวบินที่มา ลงสุวรรณภูมิขึ้นไม่ได้เพราะขาดน้ำมัน จึงทำลายคลังและท่อส่งน้ำมัน

ทั้งนี้ ศอฉ.พยายามตรวจสอบข่าวเรื่องการที่คนเสื้อแดงสะสมอาวุธหนักอยู่ ซึ่งน่าเสียดายที่เจ้าหน้าที่ตั้งด่านไว้มากมายแต่ปล่อยให้มีการขนไม้ไผ่ ยางรถยนต์ มาเป็นจำนวนมากจนสามารถนำมาสร้างประตูค่าย ซึ่ง ศอฉ.ต้องหาทางแก้ไขต่อไป

นายสุเทพ ยังกล่าวถึงกรณี พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ในฐานะประธานพรรคเพื่อไทย ทำหนังสือขอเข้าเฝ้าฯเพื่อขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณแก้ไขปัญหาของบ้านเมืองว่า เป็นเรื่องไม่บังควรและไม่ควรกระทำ เพราะสิ่งที่ พล.อ.ชวลิตพยายาม จะทำนั้นกระทบต่อจิตใจคนไทยเป็นอย่างยิ่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ