นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) แถลงว่า จากการจับกุมตัวนายเมธี อมรวุฒิกุล แนวร่วมกลุ่มประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)หรือกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวานนี้ และนำตัวมาสอบปากคำ นายเมธีระบุว่าแกนนำ นปช.เป็นผู้ที่สั่งยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารในเหตุการณ์วันที่ 10 เม.ย.53 หลังจากยอมรับว่าฝ่ายของนายเมธีได้ใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่เจ้าหน้าที่บริเวณแยกโรงเรียนสตรีวิทยา
"ใช่ครับ"นายธาริต ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่านายเมธียอมรับว่าผู้สั่งยิงเป็นแกนนำ นปช.ใช่หรือไม่
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า นายเมธียังระบุชื่อผู้ที่สั่งการ แต่คงยังไม่สามารถเปิดเผยต่อสื่อมวลชนได้ในขณะนี้
นายธาริต กล่าวในการแถลงข่าวว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ขอเข้าตรวจค้นรถยนต์ของนายเมธี บริเวณคลองสานเมื่อวานนี้ ซึ่งตรวจพบอาวุธของทางราชการ และได้นำตัวไปสอบสวนที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.สระบุรี ซึ่งนายเมธี ถือเป็น 1 ใน 24 บุคคลที่ถูกศาลออกหมายจับจากความผิดเรื่องการใช้อาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการ
จากการร่วมสอบสวนนายเมธี ให้การยอมรับว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความไม่สงบในวันที่ 10 เม.ย.โดยร่วมเป็นแนวหน้าปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ขอคืนพื้นที่บริเวณหน้า รร.สตรีวิทยา ซึ่งกลุ่มของนายเมธี ได้ยึดอาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการไปจำนวนหนึ่ง และนายเมธีได้นำอาวุธปืนกลมือของทางราชการไปด้วย และนำไปแจกจ่ายให้อีกหลายคน
"ได้ยอมรับว่าในการปะทะในที่เกิดเหตุนั้นได้ใช้อาวุธร้ายแรงจากฝ่ายของนายเมธี ในการยิงเข้าใส่กลุ่มทหารที่เข้าขอคืนพื้นที่ และยอมรับว่าเมื่อย้ายการชุมนุมไปราชประสงค์แล้ว มีการประชุมปรึกษาหารือเพื่อวางแนวทางกันทุกวัน ณ สถานที่ที่ไม่ขอเปิดเผย"นายธาริต กล่าว
"ในความเป็นจริงจากการตรวจค้นรถยนต์ที่นายเมธี ขับเมื่อวานตอนเช้า ค้นพบอาวุธปืนกลมือร้ายแรงของทางราชการด้วย เป็นส่วนสำคัญที่ยอมรับว่าอาวุธร้ายแรงของทางราชการนั้น ได้ยึดไปจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและนำไปไว้ใช้ต่อสู้ในโอกาสต่อไป" นายธาริต กล่าว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า นายเมธียังเปิดเผยถึงสถานที่ที่แกนนำฯ ใช้ในการประชุมวางแผนทุกครั้งจะใช้พื้นที่สาธารณะ ซึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบแล้ว และยังเปิดเผยถึงแผนต่อสู้ของกลุ่ม นปช.ว่า หากรัฐบาลยังไม่ทำตามข้อเรียกร้องก็จะต่อสู้จนถึงที่สุดถึงขั้นยอมตาย
ส่วนเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 บริเวณถนนสีลม เมื่อช่วงค่ำวานนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใครเป็นผู้สั่งการ แต่ในพฤติการณ์น่าจะมีความเชื่อมโยงว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เม.ย.
นายธาริต ยังประณามกลุ่มที่ก่อเหตุรุนแรงรวมทั้งผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์รุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ พร้อมขอให้ยุติการกระทำดังกล่าวต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ เพราะเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายการก่อการร้าย ซึ่งมีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต
"ดีเอสไอขอประณามการกระทำของผู้ที่อยู่เบื้องหลังและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายครั้งนี้ และขอเตือนว่าการกระทำดังกล่าวมีโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรงถึงขั้นประหารชีวิต ขอให้ยุติการกระทำรุนแรงต่อผู้บริสุทธิ์" นายธาริต กล่าว
พร้อมเตือนให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานที่เกิดเหตุต่างๆ ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมในขณะนี้ เพราะถือเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย