สธ.เผยม็อบทำสภาพจิตคนไทยย่ำแย่ ผู้มีความรู้สึกรุนแรงพุ่งกว่าเหตุสึนามิ

ข่าวการเมือง Monday April 26, 2010 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้สำรวจสภาพจิตใจของประชาชนจากสถานการณ์การชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา พบตัวเลขที่น่าสนใจ โดยได้แบ่งสภาพของความรู้สึกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับปกติ ปานกลาง และรุนแรง โดยระดับรุนแรง เช่น คุยเรื่องการเมืองเมื่อใดก็อารมณ์เสียเมื่อนั้น หรือถ้าใครไม่เห็นด้วยกับความคิดของตนก็จะโต้เถียงอย่างรุนแรงทุกครั้ง หรือมีความพยายามโน้มน้าวให้คนอื่นเห็นด้วยกับตนเอง หรือมีความวิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงกับประเทศอยู่ตลอดเวลา เป็นต้น

พบว่า มีผู้ที่มีความรู้สึกระดับรุนแรงมากถึงร้อยละ 25-29 ถือว่ารุนแรงกว่าเหตุสึนามิ หรือความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีผู้รู้สึกระดับรุนแรงแค่ร้อยละ 10 หากแยกเป็นรายภาค พบว่า ทุกภาคอารมณ์ทางการเมืองระดับรุนแรงทรงตัวในระดับสูง โดยกทม.สูงอย่างต่อเนื่อง ภาคอีสานสูงมาก ภาคเหนือแนวโน้มขยับสูงขึ้น และภาคกลางก่อนเกิดเหตุมีความรู้สึกในระดับสูง โดยเฉพาะความวิตกกังวล แต่เมื่อเกิดเหตุก็ลดลง เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้กระจายไปทั่วภาค ส่วนภาคใต้อยู่ในระดับต่ำถึงคงที่

นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้กรมสุขภาพจิตออกเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 53 จำนวน 50 ราย และ 20 ครอบครัว โดยเตรียมของบกลาง 30 ล้านบาท เพื่อจัดทำแผนออกเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัว รวมทั้งชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม โดยทำแผนออกเยี่ยมตลอดปีเพื่อติดตามระดับสุขภาพจิตและเข้าไปเยียวยาฟื้นฟูผู้ที่ได้รับผลกระทบ

ส่วนความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุชุมนุม เหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน 53 สรุปมีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 864 คน นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 66 ราย ส่วนใหญ่เป็นทหาร ยังอยู่ในห้องไอซียู 5 ราย ที่ รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ 3 ราย รพ.กลาง 1 ราย และรพ.พระรามเก้า 1 ราย

ส่วนเหตุระเบิดที่บริเวณแยกศาลาแดง ถนนสีลม เมื่อ 22 เมษายน 53 มีผู้บาดเจ็บ 79 ราย เสียชีวิต 1 ราย ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 19 ราย ในจำนวนนี้อยู่ห้องไอซียู 2 ราย รายแรกอยู่ที่รพ.จุฬาฯ เป็นหญิงโดนสะเก็ดระเบิดที่ศีรษะ ผ่าตัด 2 ครั้ง ยังต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด รายที่ 2 อยู่ที่รพ.ตำรวจ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจโดนสะเก็ดระเบิดที่ขา มีอาการอักเสบติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่อาการคงที่มี 1 รายเป็นทหาร ย้ายออกจากห้องไอซียู ต้องให้การดูแลสุขภาพจิตเป็นพิเศษ

และกรณีล่าสุดเหตุระเบิดที่ถนนจรัลสนิทวงศ์คืนวันที่ 25 เมษายน 53 มีผู้บาดเจ็บ 11 ราย ส่งรักษาที่รพ.เจ้าพระยา 1 ราย รพ.วชิระ 5 ราย และรพ.ศิริราช 5 ราย รักษาตัวที่รพ.2 ราย อยู่ที่รพ.เจ้าพระยา 1 รายเป็นหญิงอาการค่อนข้างหนัก และที่วชิรพยาบาล 1 ราย

ด้านนางพรรณสิริ กุลนาถศิริ รมช.สาธารณสุข กล่าวว่า แผนการดำเนินงานเยียวยาจิตใจตามงบประมาณที่เสนอไว้ ได้แก่ 1.การเยียวยาจิตใจ ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว และชุมชน ประมาณ 3 ครั้งต่อราย 2.การพัฒนาศักยภาพเครือข่ายทั่วประเทศอาทิ หน่วยบริการสาธารณสุขทุกระดับ อสส. อสม. แกนนำชุมชน พระ ให้มีความสามารถช่วยเหลือประชาชน สามารถคัดกรอง ดูแลช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ และส่งต่อกรณีเกินขีดความสามารถ รวมทั้งการสร้างศูนย์ดูแลสุขภาพจิตในภาวะวิกฤตในรพ.ศูนย์และรพ.ทั่วไป 94 แห่งทั่วประเทศ

3.การฟื้นฟูสังคม เผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพจิตแก่ประชาชน ให้สามารถดูแลจิตใจตนเองเมื่ออยู่ในภาวะวิกฤต 4.การบริการสายด่วนสุขภาพจิต 1323 5.จัดตั้งศูนย์เยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และ 6.แผนการเฝ้าระวังสุขภาพจิต เช่นสำรวจอารมณ์ทางการเมืองและจัดทำระบบรายงาน โดยจะของบประมาณ 30 ล้านบาทจากงบกลางปีงบประมาณ 53

นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีเหตุการณ์บุกรุกรพ.รวมทั้งเหตุวางระเบิดบริเวณหน้ารพ.ว่า ในด้านการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคง เป็นหน้าที่ของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการร์ฉุกกเฉิน (ศอฉ.) ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะดูแลด้านการรักษาพยาบาล มีศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินฯ ซึ่งได้เตรียมความพร้อมไว้ตลอด 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ มีการเตรียมการรองรับไว้ใน 2 รูปแบบคือกรณีเกิดเหตุการณ์จุดเดียว และเกิดแบบกระจายหลายจุด โดยจะระดมรถพยาบาลกู้ชีพจากต่างจังหวัดเข้ามาช่วยเสริมด้วย ขณะนี้มีการกำหนดจุดโรงพยาบาลในเขตปริมณฑลเป็นวงแหวนรอบนอก 4 ทิศ หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นก็จะระดมเครือข่ายของโรงพยาบาลเหล่านี้ ซึ่งมีเครือข่ายละ 4-5 แห่ง เข้ามาช่วยเสริมอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ