ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)แถลงผลปฏิบัติการสลายการชุมนุมที่บริเวณอนุสรณ์สถาน ถนนวิภาวดีรังสิต ในช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ทหาร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บเกือบ 20 ราย รวมทั้งจับกุมแกนนำในพื้นที่ 14 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยึดกระสุนระเบิด M79 ได้ถึง 62 นัด ก่อนจะยุติปฏิบัติการเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น.เพื่อไม่ให้เกิดความสุ่มเสี่ยง
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.กล่าวยอมรับว่า ทหารใช้อาวุธจริงในการปฏิบัติการ เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการยิงกระสุนจริงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติการตอบโต้ ซึ่งยืนยันว่าได้ปฏิบัติการจากเบาไปหาหนัก แต่อาจไม่ใช่ครบขั้นตอนตามกฎการใช้กำลัง เนื่องจากไม่สามารถนำรถฉีดน้ำเข้าไปในพื้นที่ได้ และต้องเริ่มยิงกระสุนยางทันทีหลังจากถูกยิงกระสุนจริง
ทั้งนี้ ผบ.ทบ.รู้สึกเสียใจและเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้มีการสูญเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ รวมไปถึงนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีก็มีความเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากมีประชาชนอยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุม ประกอบกับผู้ชุมนุมไม่ได้ใส่เสื้อสีแดงแล้ว จึงทำให้การแยกแยะระหว่างประชาชนผู้บริสุทธิ์และผู้ชุมนุมทำได้ยาก แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้ความระมัดระวังถึงที่สุดแล้ว กลับปรากฎว่าขณะที่การเจรจาขอให้ผู้ชุมนุมยุติทำไปได้ระยะหนึ่ง ก็พบว่ามีการยิงกระสุนหนังสะติ๊กเข้าใส่เจ้าหน้าที่
ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์ ซึ่งส่งผลให้เกิดความสูญเสีย โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ส่วนฝ่ายผู้ชุมนุมบาดเจ็บ 17 ราย และมีการจับกุมผู้ชุมนุมได้ทั้งสิ้น 14 คน เป็นผู้ชุมนุมที่อนุสรณ์สถาน 7 คน และที่ตลาดไท 7 คน นอกจากนั้นได้ยึดรถจักรยานยนต์ได้ 1 คัน
"การควบคุมสถานการณ์เน้นให้เจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมามักจะมีการใช้อาวุธร้ายแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุม จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง" พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวในการแถลงข่าว
ขณะที่ พ.อ.สรรเสริญ ปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าทหารที่เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากการยิงโดยฝ่ายเดียวกันหรือไม่ โดยกล่าวว่าต้องมีการตรวจสอบทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ เพราะอาจเป็นการพูดขึ้นมาก่อนโดยไม่ได้รู้ข้อเท็จจริง แต่ไม่น่าเกิดจากสาเหตุกระสุนปืนลั่น ต้องตรวจสอบลักษณะเกิดเหตุ ทั้งสภาพอากาศ การปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสามารถเกิดได้หลายกรณี
ด้าน พล.อ.ต.อานนท์ จารยพันธุ์ ผู้บังคับการทหารอากาศดอนเมือง กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.17 น.เจ้าหน้าที่ได้พบรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเดินทางเข้าไปในกลุ่มผู้ชุมนุมในบริเวณอนุสรณ์สถานหลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ จึงได้พยายามติดตามไป แต่ในที่สุดผู้ขับขึ่ได้ทิ้งสิ่งของไว้ข้างทางก่อนจะหลบหนีไป พบสิ่งของเป็นกล่องบรรจุกระสุน M79 จำนวน 62 นัด แบ่งเป็นรุ่นเจาะเกราะ 42 นัด และหัวธรรมดา 20 นัด พร้อมด้วย ประกับรุ่นเอ็ม 203
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ว่ากระสุน M79 ที่ยึดได้ในวันนี้อาจลักลอบนำมาจากชายแดน
ส่วนกรณีที่คนเสื้อแดงขู่ว่าจะบุกสถานีโทรทัศน์ NBT ในวันพรุ่งนี้ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ก็จะมีการดำเนินการในลักษณะเดียวกับวันนี้ โดยจะวางกำลังทุกหน่วยงานพร้อมปฏิบัติการสกัดกั้นผู้ชุมนุมทันที