แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เผยเตรียมร้องศาลแพ่งไต่สวนกรณีเจ้าหน้าที่รัฐใช้กระสุนจริงปฏิบัติการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติเมื่อวานนี้(28 เม.ย.) ไม่ได้เป็นไปตามหลักสากล เพราะไม่ได้อยู่ใน 7 ขั้นตอนปฏิบัติ
"การสลายการชุมนุมต้องทำตามหลักสากล มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่นี่ใช้วิธีการจากหนักไปหาตาย" นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม นปช.กล่าว
ส่วนกรณีพลทหารถูกพวกเดียวกันเองยิงเสียชีวิตนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ทำไม ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)จึงไม่มีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง โดยอ้างว่ายังไม่สามารถสรุปในเวลากระชั้นชิด แต่เมื่อครั้งเกิดเหตุระเบิดที่แยกศาลาแดงผ่านไปไม่ถึง 2 ชั่วโมงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กลับออกมาระบุว่าจุดยิงอยู่ด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 และเท่าที่รู้ขณะนี้ผลสอบวิถีกระสุนก็ส่งถึงมือนายกรัฐมนตรีแล้ว
"มีแต่การใส่ร้ายป้ายสีคนเสื้อแดง พออะไรจำนนด้วยข้อเท็จจริงก็ปกปิดไม่อธิบาย...ที่ยังไม่ยอมแถลงเพราะกลัวข้อมูลที่นายกฯ มีอยู่ไม่ตรงกับข้อมูลของนายสุเทพหรือไง" นายณัฐวุฒิ กล่าว
สำหรับกรณีที่ตรวจยึดกระสุนปืนเอ็ม 79 จำนวนกว่า 60 นัด นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวกับกลุ่ม นปช.เพราะเหตุปะทะระหว่างกลุ่ม นปช.กับเจ้าหน้าที่รัฐยุติไปก่อนหน้านั้น จึงเป็นความพยายามที่จะสร้างหลักฐานเท็จเพื่อใส่ร้ายกลุ่มคนเสื้อแดง
"กรณีนี้ขอตั้งข้อสังเกตุว่าตั้งใจไปให้จับ เพราะขับฝ่าด่านเข้าไปแล้วทิ้งของกลางไว้ก่อนหลบหนีไปได้ นี่มันจัดฉาก 100 เปอร์เซ็นต์" นายณัฐวุฒิ กล่าว
นอกจากนี้ แกนนำฯ ที่ถูกศอฉ. กล่าวหาว่ามีส่วนร่วมกับขบวนการล้มเจ้านั้นเตรียมส่งทนายความไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ต่อกองปราบปราบ และหากยังไม่ยุติการกล่าวหาก็จะฟ้องร้องคณะกรรมการ ศอฉ.เพิ่มเติมอีกในภายหลัง