พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผช.ผบ.ตร.) ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปใน รพ.จุฬาลงกรณ์เมื่อค่ำวานนี้(29 เม.ย.)ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) จึงมอบภารกิจให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยภายในโรงพยาบาลทุกแห่งเพื่อให้เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนทุกคน
โดยล่าสุด ทางตำรวจได้ประสานไปยังผู้อำนวยการ รพ.จุฬาลงกรณ์แล้ว ว่าจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้ และยืนยันว่าในพื้นที่ของ รพ.จุฬาฯ ไม่ได้มีการซ่องสุมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทหารตามการตั้งข้อสังเกตของแกนนำนปช.แต่อย่างใด พร้อมกับขอความร่วมมือไปยังแกนนำนปช.ให้ช่วยดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ละเมิดเรื่องนี้ด้วย ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวานนั้นผู้ที่บุกรุกถือว่ามีความผิดตามกฎหมายด้วย
ด้านพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รอง ผบช.น.) ชี้แจงถึงสาเหตุที่ตำรวจยังไม่เข้าไปจับกุมตัวนายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำนปช.ที่พากลุ่มผู้ชุมนุมไปบุกค้น รพ.จุฬาฯ ทั้งๆ ที่นายพายัพ เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูก ศอฉ.ออกหมายจับว่า การเข้าจับกุมจะต้องพิจารณาถึงโอกาสและความเหมาะสม เพราะการเข้าไปจับกุมในพื้นที่โรงพยาบาลหากเกิดเหตุโกลาหลวุ่นวายจะยิ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายมากขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องรอจังหวะที่เหมาะสม เพราะถึงอย่างไรหมายจับก็มีอายุความ 20 ปี รวมทั้งจะมีการตั้งข้อหาเพิ่มด้วย
"เราคงไม่ต้องรื้อบ้านทั้งหลัง เพื่อการจับหนูตัวเดียว เราจะรอให้หนูออกมาเอง" พล.ต.ต.อำนวย กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปตามลำดับ ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมคนร้ายที่ลอบยิงระเบิด M79 ไปที่กระทรวงกลาโหมได้แล้ว ซึ่งเป็นอดีตตำรวจยศสิบตำรวจโท พร้อมกับพวกอีก 4-5 คน และขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผล
"ตอนนี้ เสื้อแดงก็ถูกจับไปนับร้อยรายแล้ว และวันนี้ก็สามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุยิงระเบิดใส่กระทรวงกลาโหม 99.99% ได้ตัวคนร้ายเต็มๆ" รอง ผบช.น. กล่าว