พรรคเพื่อไทย(พท.) แถลงการณ์ตำหนิการกระทำของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กรณีออกมาเตือนกลุ่มเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยที่เดินทางไปพบปะกับผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการกระทำผิดมารยาททางการทูต ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
"พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคำเตือนต่อหัวหน้าคณะทูตต่างประเทศของนายกษิตฯ นั้นเป็นการกระทำที่ผิดต่อมารยาททางการทูตและไม่ส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประชาคมโลก รัฐบาลนี้ควรตระหนักด้วยว่าได้เข้ามาอย่างไม่ถูกต้องตามหลักการของระบอบประชาธิปไตย จึงควรที่จะถ่อมตัวมากขึ้นในการดำเนินความสัมพันธ์กับต่างประเทศ แต่วิธีการของนายกษิตฯ มิได้ส่งผลดีแก่ภาพลักษณ์ของประเทศไทย อีกทั้งยังสร้างความลำบากใจให้แก่คณะทูตและบรรดาคณะทูตต่างประเทศในประเทศไทยอีกด้วย" แถลงการณ์ฯ ระบุ
แถลงการณ์ฯ ระบุว่า นายกษิตแสดงความไม่พอใจต่อกรณีดังกล่าว เพราะรัฐบาลเห็นว่าขัดต่อกฏหมายไทย เป็นการก้าวก่ายในกิจกรรมภายในของไทย และถือว่าเป็นการเข้ามาคบค้าสมาคมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ทวิภาคี
"รัฐบาลปัจจุบันนำโดยนายอภิสิทธิ์มิใช่รัฐบาลประชาธิปไตย เนื่องจากได้ละเมิดหลักการประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน เสรีภาพ และหลักการของการเป็นมนุษย์ โดยการสั่งสังหารผู้ชุมนุมที่ไม่มีอาวุธ แต่แทนที่รัฐบาลนี้จะออกมารับผิดชอบต่อการกระทำอันโหดเหี้ยมดังกล่าว กลับพยายามปกปิดและกล่าวร้ายป้ายสีฝ่ายตรงกันข้าม อีกทั้งยังไม่ลดละที่จะพยายามปราบปรามประชาชนซ้ำเติมอีก" แถลงการณ์ฯ ระบุ
กรณีที่เอกอัครราชทูตต่างประเทศไปพบปะกับผู้ชุมนุมไม่ได้หมายความว่าเข้าข้างผู้ชุมนุมหรือก้าวก่ายในกิจการภายในของประทศไทย หากแต่เพียงต้องการที่จะหาข้อมูลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถพึ่งข้อมูลที่บิดเบือน ไม่เป็นกลาง และข้อมูลฝ่ายเดียวของสื่อหลักของไทยได้อีกต่อไปแล้ว
การที่นายกษิตกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศในขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางการเมืองนั้น เป็นคำพูดที่น่าเป็นห่วง เพราะการสังหารประชาชนตลอดการปราบปรามประชาชนไม่น่าจะเป็นกระบวนการทางการเมืองที่ถูกต้อง อีกทั้งยังเป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของผู้อื่นซึ่งเป็นสิ่งที่สากลไม่สามารถยอมรับได้
อีกทั้งความเห็นของเอกอัครราชทูตต่างประเทศนั้นเป็นการสะท้อนความจริงและความไม่ชอบของมาตรการปราบปรามประชาชนของรัฐบาล ซึ่งหากจะปล่อยให้บานปลายแล้วจะกระทบถึงประเทศอื่นด้วย ฉะนั้นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ควรจะทำใจให้กว้างและยอมรับความเห็นของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างชาติ แทนที่จะมุ่งแต่ไล่ล่าทำลายฝ่ายตรงข้ามให้ราบคาบ
นอกจากนี้ หากการคบค้าสมาคมกับ พ.ต.ท.ทักษิณฯ โดยรัฐบาลต่างประเทศจะเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ทวิภาคีดังที่นายกษิตอ้างแล้ว ประเทศไทยคงจะมีเพื่อนเหลืออยู่ไม่มากนักในโลกนี้ รัฐบาลนี้ไม่ควรใจแคบและหมกมุ่นอยู่กับการไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีกับประเทศอื่น การห้ามมิให้รัฐบาลต่างประเทศติดต่อสมาคมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจถูกมองว่าเป็นการก้าวก่ายในกิจกรรมภายในของประเทศอื่นก็ได้เหมือนกัน