คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ออกแถลงการณ์ สรุปแนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์และสภาพปัญหาในสังคมไทยของอดีตนายกรัฐมนตรีและ 3 ผู้นำศาสนา โดยระบุว่า นับตั้งแต่เกิดการชุมนุมสาธารณะในวันที่ 12 มี.ค.53 เป็นต้นมา เหตุการณ์ได้ตึงเครียด ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับจนถึงปัจจุบัน อันเป็นที่วิตกและหวั่นเกรงของประชาชนโดยทั่ว
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติรู้สึกห่วงใยอย่างยิ่ง จากการติดตามกัน โดยเสนอให้ทั้งสองฝ่ายหาวิธีการยุติปัญหาด้วยการเจรจาเพื่อคลี่คลายปัญหาความรุนแรงของบ้านเมืองให้ยุติลงด้วยความสงบสันติ
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เข้าพบหารือกับท่านอดีตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายอานันท์ ปันยารชุน นายบรรหาร ศิลปอาชา พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และผู้นำทางศาสนาใหญ่ ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม และศาสนาคริสต์ เพื่อรับฟังความคิดเห็นและขอรับคำปรึกษาต่อสถานการณ์พร้อมวิเคราะห์สภาพปัญหาใน สังคมไทยปัจจุบัน ตลอดจนความไม่เป็นธรรมเชิงโครง สร้างในด้านต่าง ๆ ที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิ เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองให้เกิดความสันติสุข โดยสรุปข้อคิดเห็นต่างๆของบุคคลดังกล่าวข้างต้นได้ดังนี้
1.ทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงและการเผชิญหน้ากัน โดยขอให้ทุกฝ่ายถอยไปอยู่ในสถานะภาพก่อนวันที่ 10 เม.ย.53เพื่อระงับเหตุการณ์ที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
2.ขอให้ทุกฝ่ายยุติการกระทำที่เป็นการข่มขู่คุกคาม และการกระทำด้วยประการใดอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกรูปแบบ
3.ขอให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาด้วยวิธีการเจรจาด้วยความจริงใจ โดยรูปแบบการเจรจาลับไม่ต้องเผยแพร่ผ่านสื่อสาธารณะ เมื่อได้ผลสรุปที่ยุติแล้วทั้งสองฝ่ายจึงให้นำเสนอต่อสาธารณชนได้รับรู้ เพื่อนำไปสู่การร่วมกันแก้ไขปัญหาระยะยาวต่อไป
4.หากฝ่ายใดปฎิเสธการแก้ไขปัญหาความรุนแรงด้วยการเจรจา ขอให้สังคมประณามว่าฝ่ายดังกล่าวมุ่งทำร้ายประเทศไทย และมีเจตนาซ้อนเร้นก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง
5. รัฐบาลต้องรับข้อเรียกร้องของประชาชนและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำของชนชั้น ความไม่เป็นธรรมในสังคม และความเดือดร้อนของประชาชนผู้ยากไร้ที่มาชุมนุมโดยทันที และรายงานให้สาธารณชนได้ทราบเป็นระยะโดยทั่วกัน
ทั้งนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมข้อหารือของอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำ 3 ศาสนา และสังคมไทยมีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะรับข้อเสนอแนะดังกล่าวข้าง ต้นไปดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของชาติ บนพื้นฐานของความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน จะได้เกิดความสงบและสันติสุขกลับคืนมาโดยเร็ว