นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงพร้อมนำรูปภาพที่ทหาร อยู่ในท่าซุ่มโจมตี และหลบซ่อนอยู่ภายในโรงพยาบาลจุฬา โดยมีนายทหารถืออาวุธสงครามอยู่ในท่านั่งเตรียมยิง แต่กลับสวมรองเท้าแตะ และอีกภาพเป็นภาพทหารอยู่ในชุดลำลองสีเขียว ถืออาวุธสงครามอยู่ในทางเตรียมยิงเช่นกัน
"ภาพยืนยันเช่นนี้ รัฐบาลจึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ว่าไม่มีทหารอยู่ในโรงพยาบาล" นายพร้อมพงษ์ กล่าว
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังได้กล่าวถึงการที่ พ.อ.สรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แถลงว่า ศอฉ. ได้ขอให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ขอพื้นที่คืนโดยรอบโรงพยาบาลจุฬาฯ จนไปถึงแยกสารสิน โดยเริ่มจากการเจรจา หากไม่ได้ผล ต้องใช้กำลังดำเนินการ จึงต้องการให้รัฐบาลและ ศอฉ. รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องระมัดระวังในการดำเนินการ เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ทำให้สถานการณ์บานปลาย นำไปสู่ความรุนแรงเหมือนวันที่ 10 เม.ย. และวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา
และอย่านำเสนอสถานการณ์การย้ายผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาฯ มาเป็นประโยชน์ทางการเมืองขอฝ่ายรัฐบาลมากวา แทนที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกัน ควรทำให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายไปในทางที่ดี และเป็นประโยชน์กับคนไข้มากที่สุด
ด้านนพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ ส.ส. ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการสาธารณสุข กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดจึงมีการปล่อยให้มีการนำเสนอภาพผู้ป่วยที่กำลังถูกขนย้าย และยังมีการนำเสนอภาพผู้ป่วยที่อยู่ในห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน เพราะการกระทำเช่นนี้ถือว่าผิดหลักสากล การนำภาพในลักษณะนี้มาออกซ้ำไปซ้ำมา และออกอากาศเป็นระยะเวลานานๆ เพราะรัฐบาลต้องการที่จะให้ภาพนี้มาเป็นเครื่องมือที่จะใช้ประกาศกฏอัยการศึกใช้หรือไม่
และในวันที่ 3 พ.ค. ตนจะเชิญผู้อำนายการโรงพยาบาลจุฬา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล 1 นายกสมาคมแพทยสภา มาให้การที่สภา เพราะหากตนเป็นผอ.โรงพยาบาลจุฬา จะไม่มีการให้นำภาพของผู้ป่วยมาออกอากาศเด็ดขาดเพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิผู้ป่วย
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลไม่ควรนำเรื่องนี้มาเป็นสาเหตุที่จะประกาศกฏอัยการศึก ซึ่งที่จริง ไม่ว่าทหาร หรือตำรวจ ก็ไม่สามารถที่จะใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลเป็นที่ตั้งได้ ทหารและตำรวจ จึงไม่สามารถที่จะเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลได้ และ ผอ.โรงพยาบาลเอง ก็ออกมาบอกแล้วว่าให้ตำรวจรักษาพื้นที่อยู่รอบนอกเท่านั้น และโรงพยาบาลจุฬา อยู่ในสังกัดสภากาชาติ รัฐบาลจึงไม่ควรที่จะใช้ดำเนินการปราบปรามประชาชน ดำเนินการสลายการชุมนุม รัฐบาลควรที่จะหยุดให้ร้ายผู้ชุมนุม เลิกสองมาตรฐาน สร้างความเกลียดชัง รัฐบาลควรที่จะให้วิธีให้อภัยซึ่งันและกัน ใช้ความรักษาและเปิดโอกาสให้แก่กัน