นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าการโอนเงินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว จำนวน 46,373 ล้านบาท เข้าเป็นรายได้ของแผ่นดิน ตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารทั้ง 6 แห่ง ได้โอนเงินฝากธนาคารตามคำพิพากษาของศาลฯ เข้าบัญชีเงินคงคลังบัญชีที่ 1 เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด 39,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงเทพ 8,500 ล้านบาท ธนาคารยูโอบี 508 ล้านบาท ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 21 ล้านบาท ธนาคารทหารไทย 10 ล้านบาทและธนาคารนครหลวงไทย 1 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 49,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 46,200 ล้านบาทและดอกเบี้ยอีก 2,800 ล้านบาท โดยในส่วนของจำนวนเงินต้นยังไม่ครบตามคำพิพากษาของศาลฯ ที่ระบุเป็นเม็ดเงิน 46,373 ล้านบาทบวกผลประโยชน์ จึงยังขาดอีกประมาณ 163 ล้านบาท
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางจะเร่งประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดและกรมบังคับคดี เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี และตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการขายหน่วยลงทุนตามคำพิพากษา ให้ได้เงินครบจำนวน 163 ล้านบาท
ทั้งนี้ หน่วยลงทุนจะมีอยู่ 3 รายการ วงเงินประมาณ 2,400 ล้านบาท โดยในวันที่ 7 พ.ค.นี้ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงาน ป.ป.ช. กรมบังคับคดี และกรมสรรพากร ประชุมหารือร่วมกัน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความถูกต้องและรอบคอบ โดยคาดว่าการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ จะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน