พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินมาที่พรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในช่วงบ่ายนี้ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยื่นข้อเสนอโรดแมพว่า จะรับหรือไม่เป็นเรื่องของคนเสื้อแดง ไม่เกี่ยวกับตนเอง เพราะเป็นแค่ผู้สังเกตุการณ์เท่านั้น
"ผมไม่เกี่ยว รับไม่รับเป็นเรื่องของเสื้อแดง ผมเป็นผู้สังเกตการณ์ ก่อนอื่นอยากให้สื่อมวลชนไปดูข้อ 3 สื่อต้องสร้างสรรค์ไม่แตกแยก ไม่เสนอข่าวด้านเดียว ไม่รู้นายอภิสิทธิ์เขียนเองหรือมีใครเขียนให้อ่านหรือไม่"พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ก็เห็นว่าทุกคนควรหัวหน้าเข้าหากันเพื่อหาข้อยุติ เพราะวันพรุ่งนี้เป็นวันฉัตรมงคล เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขึ้นครองราชย์ หากเริ่มต้นสิ่งที่ดีงาม ความที่จะปรองดองแห่งชาติเกิดขึ้นมันก็จะเป็นสิ่งที่ดี
"สิ่งเดียวที่ทำให้ประเทศไทยกลับเหมือนเดิม คือทุกคนต้องเลิกเอาเปรียบกัน ทุกคนต้องยอมรับกติกาแล้วเคารพกติกา แต่ไม่ใช่กติกามาเลือกใช้บังคับเฉพาะข้าง มันเริ่มต้นผิดพลาดตั้งแต่ไม่ยอมลงเลือกตั้ง เป็นที่มาความวุ่นวายในปัจจุบัน วันนี้เราไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ มองไปข้างหน้าดีกว่าว่าจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างไร
แน่นอนธรรมชาติมนุษย์ก็ต้องปกป้องตัวเองทุกคน เมื่ออันตรายมาถึงตัวทุกคนปกป้องเหมือนกันหมด เมื่อทุกคนต่างฝ่ายต่างปกป้อง ก็ยากที่จะทำให้เราเริ่มต้นใหม่ได้ ถ้าเริ่มแล้วก็ต้องให้ทุกคนวาง แล้วไม่ต้องมาปกป้องตัวเอง หันหน้าเข้าหากัน มาปรองดอง ไม่ต้องระแวงซึ่งกันและกัน เดินหน้า ให้อภัยซึ่งกันไป จบกันไป เอากติกามาใช้ ทุกคนเคารพกติกา คนที่บังคับใช้กติกาก็ต้องเป็นกลาง ไม่ใช่เอาพวกพ้องมา แล้วกลั่นแกล้งอีกฝ่ายตลอดเวลา เรื่องเห็นชัดๆ ฝ่ายหนึ่งทำก็ผิด อีกฝ่ายทำไม่ผิด มันคือความหน้าด้านของระบบและคนในระบบมันมากขึ้น มันทำให้ทุกอย่างมันต้องแรง
เพราะฉะนั้นก็ เลยอยากเรียกร้อง วันมหามงคลกำลังจะมาถึง ถ้าทัศนคติทุกฝ่าย นำกลับไปคิด เราเคยรุ่งเรืองมาก่อน เราเคยเป็นสยามเมืองยิ้ม เราเคยหันหน้าเข้าหากันเพราะเคารพกติกา ไม่คิดเอาเปรียบทางกติกา บ้านเมืองก็ไปได้ เป็นความปรารถดีของผมที่อยู่ไกล และถูกกระทำตลอด วันนี้ก็ยังถูกกระทำอยู่ ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็ยังถูกกระทำตลอด ทั้งที่ควรเลิกรากันไป"
พร้อมกันนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ยังปฏิเสธกระแสข่าวว่าป่วยหนักจนถึงขั้นเสียชีวิต โดยยืนยันว่ายังแข็งแรงดี
"อยากส่งเสียงให้ได้ทราบว่าผมยังมีชีวิตอยู่ แข็งแรง สบายดี ไม่มีอะไรอย่างที่ปล่อยข่าวลือกัน"