กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์คัดค้านกระบวนการสร้างความปรองดอง(โรดแมพ) ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเห็นว่าเป็นการสร้างความปรองดองกับขบวนการก่อการร้ายของรัฐไทยใหม่ และหนทางตัวรอดแล้วปล่อยให้ประชาชนและบ้านเมืองได้รับความเสียหาย โดยนายกรัฐมนตรีควรลาออกจากตำแหน่งหากไม่ทบทวนท่าทีที่จะยกเลิกแผนโรดแมพดังกล่าว
"เราขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีทบทวนและยกเลิกการประกาศแผนปรองดองกับขบวนการก่อการร้ายของรัฐไทยใหม่ และทบทวนยกเลิกการประกาศกำหนดวันการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยให้มุ่งเน้นการปฏิรูปประเทศและรัฐสวัสดิการควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อคืนสันติสุขและสร้างหลักประกันในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน" แถลงการณ์ฯ ระบุ
กลุ่มพันธมิตรฯ เห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศไทยครั้งใหญ่และสร้างรัฐสวัสดิการ ซึ่งควรจะดำเนินการมานานแล้ว โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ขณะที่แผนโรดแมพของนายกรัฐมนตรียังขาดความชัดเจน
"รัฐบาลทำตัวเหนือปัญหาเป็นคนกลางท่ามกลางความขัดแย้งหรือทะเลาะกันของคนสองกลุ่ม ทั้งๆ ที่รัฐบาลเองเป็นผู้ประกาศว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีผู้ก่อการร้าย มีอาวุธสงครามจำนวนมาก มีกองกำลัง เป็นที่ซ่องสุมของกลุ่มอันธพาลซึ่งมีพฤติกรรมคุกคามและทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งยังมีขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ดังนั้นรัฐบาลจะต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ มิใช่ไปเจรจาปรองดองยอมจำนนกับขบวนการก่อการร้ายของรัฐไทยใหม่อยู่ในขณะนี้" แถลงการณ์ฯ ระบุ
การที่นายกรัฐมนตรีประกาศว่าจะให้ยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 14 พ.ย.53 ถือเป็นการทำลายกระบวนการปฏิรูปประเทศและทำลายกระบวนการยุติธรรมหลักนิติรัฐอย่างย่อยยับ เพราะนักการเมืองจะสนใจแต่การแย่งชิงอำนาจในการเลือกตั้ง ทำให้ข้าราชการจะไม่ทำหน้าที่ในการเอาคนทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองมาลงโทษทั้งกลุ่มอันธพาลทางการเมืองที่ติดอาวุธ ขบวนการก่อการร้าย และขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ขบวนการสื่อการเมืองเพื่อโค่นล้มอำนาจฝ่ายตรงกันข้าม จะทำให้บรรยากาศนับตั้งแต่วันประกาศวันยุบสภา วันเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง จะกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ไร้ขื่อแป และเหตุการณ์จะยิ่งรุนแรงและพินาศยับเยินมากกว่าที่ผ่านมาหลายเท่าทวีคูณ ซึ่งฝ่ายที่ได้อำนาจรัฐโดยรัฐไทยใหม่จะเข้าครอบงำหน่วยงานราชการในกระบวนการยุติธรรมก่อนถึงศาล โฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อของรัฐ และใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าประชาชน ยิ่งไปกว่านั้นการละเว้นไม่เข้าตรวจอาวุธ และดักจับอาวุธ โดยปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงถ่วงเวลาในการขนถ่ายอาวุธออกจากที่ชุมนุมนั้นถือเป็นสิ่งอันตรายที่จะคุกคามประชาชนและระบอบประชาธิปไตยในอนาคต จนนำไปสู่รัฐไทยใหม่ของขบวนการก่อการร้ายในที่สุด
"เราขอประณามการประกาศวันเลือกตั้งเป็นการล่วงหน้าว่าเป็นการทำลายขบวนการปฏิรูปประเทศไทย เปิดโอกาสให้ขบวนการก่อการร้ายขยายตัวไปทั่วประเทศ และไม่สามารถหยุดยั้งขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของขบวนการรัฐไทยใหม่ได้ ซ้ำร้ายยังจะเป็นการยกบ้านเมืองให้กับขบวนการอันธพาลก่อการร้ายของรัฐไทยใหม่ การประกาศวันเลือกตั้งล่วงหน้าจึงเป็นเพียงการเอาตัวรอด และเป็นความเห็นแก่ตัวของนายกรัฐมนตรี โดยไม่ใส่ใจกับความเสียหายของชาติบ้านเมือง และประชาชนที่จะต้องตกเป็นเหยื่อเผชิญหน้ากับวิกฤติทางการเมืองที่รออยู่เบื้องหน้าโดยที่ปราศจากความรับผิดชอบ" แถลงการณ์ฯ ระบุ
การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นการล่วงหน้าว่าเป็นวันที่ 14 พ.ย.53 นั้น แสดงให้เห็นว่า เป็นผลมาจากการเจรจาลับๆ ระหว่างระบอบทักษิณกับรัฐบาล โดยฝ่ายรัฐบาลมุ่งหวังเพียงแค่ต้องการใช้งบประมาณในปีนี้และจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายในปีหน้า มุ่งหวังจะได้โยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะทหารและตำรวจ และมุ่งหวังที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาลรวมถึงการหาทางช่วยเหลือไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรค ในขณะที่ฝ่ายระบอบทักษิณและขบวนการรัฐไทยใหม่มุ่งหวังที่จะแย่งชิงอำนาจรัฐมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
"เรามีข้อสงสัยว่ามีการเจรจาสมยอมกันระหว่างรัฐบาลกับนักโทษชายทักษิณว่า คดีของนักโทษชายทักษิณและครอบครัวที่ยังไม่เข้าสู่ศาลนั้นจะนิรโทษกรรมหรือหาวิธีการดึงถ่วงหรือช่วยเหลือไม่นำขึ้นสู่ศาลจะมีการนิรโทษกรรมคดีความทางการเมืองโดยเฉพาะผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งทั้งหมด โดยภายใต้เงื่อนไขนี้นักโทษชายทักษิณตกลงว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองอีกต่อไป โดยมีความสอดคล้องกับสาระในแผนการปรองดองข้อ 5 ของนายกรัฐมนตรีเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน" แถลงการณ์ฯ ระบุ
กลุ่มพันธมิตรฯ เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจว่าสิ่งเหล่านี้ไม่เป็นความจริงและจะไม่เกิดขึ้น มิเช่นนั้นแสดงว่านักการเมืองเหล่านี้มีการเจรจาสมยอมกันเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองเพียงไม่กี่คนโดยหักหลังและทรยศต่อประชาชนอย่างไร้จริยธรรม และขอยืนยันว่าจะคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยนักการเมืองที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองและการนิรโทษกรรมของนักการเมืองอย่างถึงที่สุด
และบัดนี้ขบวนการก่อการร้ายของรัฐไทยใหม่ไม่ได้สลายการชุมนุมตามที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเอาไว้ก่อนวันที่ 5 พ.ค.และยังเรียกร้องข้อต่อรองอื่นๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรเพิ่มเติม ทั้งในทางเปิดเผยและในทางลับอันเป็นผลมาจากความอ่อนแอของรัฐบาล
ขณะที่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีจิตสำนึกในการปกป้องชีวิตของมวลชน และการไม่บังคับใช้กฎหมายที่ผ่านมาเป็นผลทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของทหารหาญและประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่ายตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หากรัฐบาลยังเพิกเฉยไม่บังคับใช้กฎหมาย และไม่ลงโทษหรือโยกย้ายข้าราชการและนักการเมืองที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
"เราขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรีที่มีความพร้อมและมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายและมีความจริงใจในการปฏิรูประเทศไทยเข้าทำหน้าที่แทน เพื่อคืนหลักนิติรัฐ คืนหลักนิติธรรม และคืนสันติสุขให้กับประชาชนชาวไทย" แถลงการณ์ฯ ระบุ