แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุจะชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์ต่อไปจนกว่าจะเกิดความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการสร้างความปรองดองของรัฐบาล หลังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาแสดงจุดยืนคัดค้านแนวคิดของรัฐบาล
"การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกแถลงการณ์คัดค้านการยุบสภา ทำให้กระบวนการนับสองตามแนวทางปรองดองของนายกฯ ไม่อาจเริ่มต้นขึ้นได้ เพราะมีคนออกมาแสดงความคัดค้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ต้องไปจัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ ให้เรียบร้อย ทางแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงจึงจะเริ่มนับสองในการปรึกษากันเพื่อหาทางออกด้วยความปรองดอง" นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการกลุ่ม นปช.กล่าว
เลขาธิการกลุ่ม นปช.กล่าวว่า การตอบรับข้อเสนอของรัฐบาล เนื่องจากเห็นว่าเป็นการแสดงท่าทีที่ไม่ต้องการให้เกิดการเสียเลือดเนื้อ แต่หากจะเป็นแค่เกมการเมือง กลุ่ม นปช.ก็พร้อมที่จะปักหลักชุมนุมต่อไป จะนานอีก 2-3 เดือนก็ไม่เป็นอะไร ส่วนการดำเนินคดีทางกฎหมายนั้นจะยังคงเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะเหตุปะทะเมื่อวันที่ 10 เม.ย.กลุ่ม นปช.จะต่อสู้ไปจนถึงสถาบันยุติธรรมระดับโลก
"วันนี้ยังไม่จบ ไม่รู้ว่าจะคุยกับพันธมิตรฯจบหรือเปล่า พรุ่งนี้จะคุยกับกลุ่มคนหลากสีจบหรือเปล่า ขณะที่กลุ่ม นปช.เป็นเอกภาพ" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ส่วนท่าทีของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ในขณะนี้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสร้างความปรองดองอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็น การออกมาขู่รายวันว่าจะสลายการชุมนุม, การตั้งด่านสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุม, การส่งข้อความสั้น(SMS) เพื่อยัดเยียดข้อมูลให้ผู้ชุมนุมเข้าใจผิด เป็นต้น
"การส่งเอสเอ็มเอสเป็นการบีบบังคับเอกชนเพื่อยัดเยียดข้อมูลให้ประชาชน ถ้าแน่จริงก็บอกเบอร์ที่จะส่งข้อความตอบกลับไปด้วยจะได้รู้ว่าประชาชนคิดอย่างไร" นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวว่า วันนี้ ศอฉ.ส่งทหารเข้ามาสอดแนมจำนวน 7-8 คน แต่เราไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะที่ผ่านมามีความพยายามสร้างหลักฐาน เช่น พบอาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางบรรยากาศที่ต้องการให้เกิดความสมานฉันท์
"หากทหารจะเข้ามาตรวจสอบ เราอนุญาตให้ทหารเข้ามาได้เพียงคนเดียวคือ พันเอกสรรเสริญ(แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.)" นายจตุพร กล่าว