นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) และ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลอาญา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
โดยคำฟ้องโจทก์สรุปได้ว่า ระหว่างวันที่ 27-28 เม.ย.53 จำเลยทั้ง 3 ได้ร่วมกันจัดทำแผ่นปลิวโฆษณาซึ่งระบุว่า มีเครือข่ายของกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ส่อล้มล้างสถาบันเบื้องสูง จากนั้นได้นำไปแจกจ่ายให้กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อมวลชนทั่วไป เพื่อประกอบการแถลงข่าว พร้อมระบุว่าโจทก์เป็นบุคคลหนึ่งในขบวนการจาบจ้วงและต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการใส่ความโจทก์ เพราะความจริงแล้วโจทก์เลื่อมใสในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โจทก์มิได้เป็นเครือข่ายขบวนการจาบจ้วง หรือต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่จำเลยทั้ง 3 กล่าวอ้าง การกระทำของจำเลยทั้ง 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทางกฎหมายจึงเป็นการกระทำโดยเจตนาทุจริตปฏิบัติโดยมิชอบ เพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งหมด ซึ่งศาลได้รับคำฟ้องไว้พิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป
หลังจากยื่นฟ้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายสุธาชัย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองโดนใส่ร้าย เพราะไม่เคยมีพฤติการณ์ตามที่ถูก ศอฉ.กล่าวหา ศอฉ.ต้องการใส่ร้ายป้ายสีหรือหาเหตุผลที่จะสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งตามแผนผังของ ศอฉ.นั้น ตนเองถูกโยงเข้าไปในฐานะที่ไปประกันตัว น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ผู้ต้องหาในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าตนเองมีพฤติการณ์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพด้วย นอกจากนี้ไม่ว่า น.ส.ดารณี จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ศาลจะต้องตัดสิน แต่ไม่ได้ชี้ว่าจะต้องมีขบวนการล้มเจ้า
นอกจากนี้ นายสุธาชัยยังได้เดินทางไปยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 ต่อศาลแพ่ง ในความผิดเรื่องละเมิด เรียกค่าเสียหายจำนวน 300,544 บาท ซึ่งศาลแพ่งรับคำฟ้องไว้และนัดพิจารณาต่อไป