ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ประกาศปิดล้อมสกัดกั้นพื้นที่แยกราชประสงค์เต็มรูปแบบตั้งแต่ 18.00 น.วันนี้ เพื่อกดดันกลุ่มผู้ชุมนุม โดยจะใช้รถหุ้มเกราะปิดการจราจรโดยรอบ ตัดน้ำประปา-โทรศัพท์ ตลอดจนระบบขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งหมด ส่วนการตัดไฟฟ้าจะดูความพร้อมอีกครั้ง พร้อมกันนี้จะมีพลแม่นปืนประจำจุดต่างๆ ใช้ทั้งกระสุนยางและกระสุนจริงในการปฏิบัติหน้าที่
นอกจากนั้น ศอฉ.จะขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการ สำนักงาน ร้านค้าที่อยู่บริเวณรอบแยกราชประสงค์ให้ทยอยปิดทำการ และแจ้งให้พนักงานเดินทางกลับบ้านก่อนเวลา 18.00 น. รวมทั้งขอความร่วมมือให้กิจการหยุดทำการในวันพรุ่งนี้(14 พ.ค.) อีก 1 วัน ส่วนผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่จะต้องเตรียมหลักฐานแสดงตัวเพื่อผ่านเข้า-ออก
พ.อ.สรรเสริฐ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะนำรถหุ้มเกราะเข้าไปกระชับวงล้อมของกลุ่มผู้ชุมนุมรอบแยกราชประสงค์ให้แคบลง และเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ โดยจะห้ามการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ แต่จะอนุญาตให้เดินทางออกมาเท่านั้น
การปิดล้อมเริ่มจาก ทิศเหนือ ตั้งแต่แยกราชเทวีถึงแยกขึ้นทางด่วนเพชรบุรี ทิศใต้ตั้งแต่แยกขึ้นทางด่วนเพชรบุรีไปจนถึงถนนวิทยุ สี่แยกถนนวิทยุเลียบมาตามถนนพระราม 4 ถึงแยกสามย่าน และมาบรรจบที่แยกราชเทวี เป็นลักษณะกรอบสี่เหลี่ยม โดยทุกด่านจะปิดกั้นการจราจร ยกเว้นผั่งถนนพระราม 4 เท่านั้น
สำหรับผู้ชุมนุมและประชาชนทั่วไปสามารถที่จะออกจากพื้นที่ได้ แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ยกเว้นผู้ที่มีที่พักอาศัยในย่านดังกล่าว หรือมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้า-ออกในบริเวณนี้ ขอให้เตรียมเอกสารหลักฐานทั้งบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านให้พร้อม และแสดงต่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจ โดยจะได้รับสติ๊กเกอร์สำหรับการผ่านเข้า-ออก
ส่วนการตัดน้ำประปา สัญญาณโทรศัพท์มือถือและโทรศัพท์พื้นฐาน ตลอดจนระบบขนส่งมวลชนสาธารณะทั้งรถเมล์, รถไฟฟ้า และเรือโดยสารนั้น จะดำเนินการและหยุดบริการตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไปนั้น ขณะที่การตัดกระแสไฟฟ้าจะรอให้มีความพร้อมมากที่สุดก่อน
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า ศอฉ.ยืนยันว่าการดำเนินการดังกล่าวยังไม่ใช่ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์ เป็นเพียงการยกระดับมาตรการกดดันผู้ชุมนุมให้เข้มข้นขึ้น แต่หากเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมพื้นที่ก็จะมีการปฎิบัติตามขั้นตอน และอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กระสุนยางเพื่อสกัดกั้นเท่านั้น
ส่วนการใช้กระสุนจริงนั้นก็ยืนยันว่าจะใช้ใน 3 กรณีเท่านั้น คือ ยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญ เพื่อป้องกันชีวิตของเจ้าหน้าที่ และยิงบุคคลที่ถืออาวุธ เนื่องจากถือว่าเป็นผู้ก่อการร้าย โดยจะใช้เจ้าหน้าที่หน่วยแม่นปืน และรถหุ้มเกราะเข้าเสริมการปฎิบัติงานครั้งนี้ แต่ะจะไม่มีการใช้อาวุธหนัก เช่น ระเบิด แต่อย่างใด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้ จะยังมีการระงับสัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นเวลา 6 ชั่วโมงอีกด้วย