พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)เปิดเผยว่า ศอฉ.จะเพิ่มมาตรการกดดันผู้ชุมนุมให้เข้มข้นขึ้นหลังจากใช้การปิดล้อมเต็มรูปแบบ โดยจะให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นตัวนำ แล้วค่อยมาชี้แจงกับประชาชนตามไป ซึ่งยืนยันจะไม่ทอดเวลาปิดล้อมเป็นเวลานานแล้ว แต่จะเพิ่มแรงกดันจนกว่าจะมีการยุติการชุมนุมโดยเร็ว
พร้อมทั้งเปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มติดอาวุธแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมราว 500 คน
สำหรับเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการโอบล้อมพื้นที่ชุมนุมในวันนี้ มีรายงานอย่างเป็นทางการจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุด 4 คน และได้รับบาดเจ็บ 69 ราย
ศอฉ.ยืนยันว่าพื้นที่ชุมนุมแยกประสงค์ถือว่ามีความอันตราย ซึ่งหากเหตุการณ์ล่าสุดช่วง 2 วันนี้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นมาก อยากวิงวอนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)ในจังหวัดต่าง ๆ ขออย่าเดินเข้ามาในกทม.เพราะข่าวที่ผู้ชุมนุมได้รับจากแกนนำอาจมีการบิดเบือนจากข้อเท็จจริง โดยศอฉ.จะควบคุมสถานการณ์โดยรวมไว้ได้และจะพยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรงให้มากที่สุด
ส่วนรายงานข่าวที่ระบุว่ามีผู้ชุมนุมทุบกระจกห้างสรรสินค้าบริเวณแยกราชประสงค์เพื่อเข้าไปโจรกรรมนั้น โฆษก ศอฉ.กล่าวว่า เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในที่ชุมนุมเป็นความรับผิดชอบของแกนนำที่จะต้องดูแล เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่ได้
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมว.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีการเจรจาต่อรองใด ๆ กับแกนนำ นปช.ในเวลานี้ โดยรัฐบาลจะเดินหน้าตามแผน ศอฉ.ที่วางไว้