เครือข่ายสิทธิมนุษยชนร้องรัฐหยุดใช้กำลังทหาร วอน 2 ฝ่ายกลับเข้าสู่การเจรจา

ข่าวการเมือง Monday May 17, 2010 12:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน(HRLA), โครงการเข้าถึงความยุติธรรมและการคุ้มครองทางกฎหมาย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (CrCF) และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.) ออกแถลงการณ์ ขอให้รัฐยุติการใช้ความรุนแรงในการปฏิบัติการสลายการชุมนุม ให้กลุ่มผู้ชุมนุมยึดมั่นในแนวทางสันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ และขอให้เปิดการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งโดยสันติวิธี

แถลงการณ์ ระบุว่า จากการปฏิบัติการกดดันเพื่อให้แนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.) ยุติการชุมนุมโดยกองกำลังทหารติดอาวุธสงครามและกระสุนจริง ซึ่งได้เริ่มปฏิบัติการมาแล้วตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2553 ไม่ว่าจะเป็นมาตรการจำกัดบริการสาธารณะ การตัดการลำเลียงสาธารณูปโภค เสบียงอาหาร การจำกัดการเดินทาง อีกทั้งยังมีการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อีก 15 จังหวัดในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน เพื่อควบคุมไม่ให้ผู้ชุมนุมซึ่งอยู่นอกพื้นที่และต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาร่วมสบทบการชุมนุมในกรุงเทพฯ และทำให้เกิดการตอบโต้จากผู้ชุมนุมและจากกองกำลังติดอาวุธ จนนำไปสู่ความรุนแรงและการสูญเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น และอาจทำให้ประเทศไปสู่หายนะ

นับจากเหตุการณ์ลอบสังหาร พล.ต. ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ในคืนวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 และตามมาด้วยการปะทะระหว่างทหารและผู้ชุมนุมบริเวณหน้าสวนลุมพินี มีผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต 1 คน และการปะทะดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง มีความรุนแรงขึ้นตามลำดับ กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสามเหลี่ยมดินแดง อนุสาวรีชัยสมรภูมิ ซอยรางน้ำ แยกราชปรารภ ชุมชนบ่อนไก่ และ ถนนพระราม 4 ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 33 ราย ซึ่งมีเจ้าหน้าอาสาสมัครหน่วยกู้ชีพและเด็กรวมอยู่ด้วย โดยที่หลายรายเสียชีวิตจากการถูกยิงบริเวณลำตัว หน้าอก และศรีษะ และมีผู้บาดเจ็บกว่า 230 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนผู้ชุมนุม ประชาชนทั่วไป นักข่าวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ดังที่ปรากฎตามรายงานข่าว

ทางองค์กรมีความเห็นว่า ปฏิบัติการปิดล้อมพื้นที่การชุมนุม โดยใช้กำลังพลและกำลังอาวุธสงครามร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กำลังต่อพลเรือนที่ปราศจากอาวุธ จนเกิดอันตรายต่อ บุคคลากรวิชาชีพต่างๆ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งจะต้องได้รับความคุ้มครองจากความรุนแรงและจากการตกเป้าหมายของการโจมตี จึงเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ อีกทั้งสถานการณ์ความรุนแรงที่มีแนวโนมที่จะทวีความรุนแรงขึ้น

โดยปัจจุบันสถิติผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บับแต่มีการชุมนุมเกิดขึ้น รวมทั้งเหตุการณ์เข้าสลายการชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน 2553 นั้นมีผู้บาดเจ็บกว่า 1,000 ราย และเสียชีวิตเป็นจำนวนถึง 58 ราย ซึ่งหากยังไม่สามารถยุติลงได้โดยเร็ว จึงมีความน่าห่วงกังวลอย่างยิ่ง ว่าสถานการณ์อาจลุกลามกลายเป็นการจลาจลโดยใช้กำลังอาวุธ เป็นการสู้รบระหว่างรัฐกับกลุ่มบุคคลที่รุนแรงและขยายวงกว้างออกไปถึงขั้นสงครามกลางเมือง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด

จากเหตุผลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า เจตนาของรัฐบาลในการคืนความเป็นปกติสุขและความสงบเรียบร้อยสู่บ้านเมือง โดยการใช้กองกำลังทหารและใช้อาวุธเพื่อยุติการชุมนุมเป็นมาตรการที่ไม่สามารถบรรลุผลได้ เพราะได้ก่อให้เกิดการความสูญเสียชีวิตของประชาชน และมีความรุนแรงที่มีการขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ รัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ในการรับผิดชอบต่อชีวิตร่างกายของประชาชนก็ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบนี้ ไม่ว่าความรุนแรงหรือการสูญเสียจะเกิดจากการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม ดังนั้นจึงมีข้อเรียกร้องทั้งต่อรัฐบาลและต่อกลุ่มผู้ชุมนุมดังต่อไปนี้

1.ขอให้รัฐบาลยุติการใช้กองกำลังทหารและอาวุธเข้าสลายการชุมนุมโดยทันที และหันกลับมาใช้วิธีการเจรจา เพื่อยุติไม่ให้เกิดการสูญเสียเพิ่ม ขึ้นและป้องกันความรุนแรงที่อาจขยายตัวกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้

2.ขอให้แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ยุติการยั่วยุเพื่อให้เกิดความรุนแรงหรือตอบโต้กองกำลังฝ่ายรัฐโดยวิธีการรุนแรง ให้ดำเนินกิจกรรมโดยยึดมั่นในแนวทางสันติ อหิงสา และปราศจากอาวุธอย่างแท้จริง และหันกลับมาเข้าสู่การเจรจา ตลอดจนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบกองกำลังอาวุธที่ปะปนอยู่ในหมู่ผู้ชุมนุม เพื่อแสดงความรับผิดชอบในการปกป้องชีวิตของผู้ชุมนุม

3.ขอให้ทั้งสองฝ่ายเปิดให้มีการเจรจาอีกครั้ง ด้วยการลดเงื่อนไขที่อาจส่งผลให้การเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เพื่อหาทางออกร่วมกันในการยุติความรุนแรง และเข้าสู่การร่วมกันแก้ปัญหาของประชาชนในระยะยาวต่อไป

4.ขอให้รัฐบาลดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระโดยเร่งด่วน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเหตุการณ์รุนแรงและความสูญเสียทั้งหมดจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและการชุมนุมของ นปช. เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง และหาผู้รับผิดชอบทั้งทางการเมืองและทางกฎหมายต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทุกฝ่าย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ