เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหา 13 คน อายุระหว่าง 20-50 ปี ไปรับฟังคำพิพากษาที่ศาลแขวงจังหวัดขอนแก่น กรณีผู้ต้องหาทั้งหมดถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร สนธิกำลังเฝ้าระวังเหตุในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ช่วงประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่คืนวันที่ 19 พ.ค.เป็นต้นมา โดยสามารถจับกุมคนร้ายทั้งหมดนี้ได้บริเวณสวนรัชดานุสรณ์ พร้อมยางรถยนต์ ขวดใส่น้ำมัน มีด และไฟแช็ก จึงควบคุมตัวไปฝากขังที่ค่ายสีหราชเดโช อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่คืนวันที่ 19 เป็นต้นมา
พร้อมตั้งข้อหาออกนอกเคหะสถานในเวลาที่กฎหมาย ห้ามตามประกาศเคอร์ฟิว (20.00-06.00 น.) และข้อหามั่วสุมกันเกิน 5 คน
ทั้งนี้ ศาลพิพากษาให้ผู้ต้องหาทั้ง 13 คน มีความผิดตามคำฟ้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 2 กระทง ฐานออกนอกเคหะสถานในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานมั่วสุมเกิน 5 คนขึ้นไป จำคุกกระทงละ 1 ปี ปรับกระทงละ 20,000 บาท รวม 2 กระทง จำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 40,000 บาท แต่เป็นความผิดครั้งแรก
ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ลดโทษลงเหลือกึ่งหนึ่ง รับโทษจำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 20,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ซึ่งผู้ต้องหาแต่ละจะต้องเสียค่าปรับคนละ 20,000 บาท หากไม่เสียค่าปรับจะต้องถูกจำคุก คิดเป็นวันละ 200 บาท จนกว่าจะครบมูลค่าโทษปรับ หลังจากนั้นเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนำผู้ต้องหาทั้งหมด ไปฝากขังที่ค่ายสีหราชเดโช
ด้าน พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการภาค 4 ในฐานะผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ผู้ต้องหา 13 คน เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจะมีผู้ร่วมก่อการเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และ สถานีโทรทัศน์ NBT ด้วย ซึ่งจะได้นำรูปภาพที่ได้รับจากสื่อมวลชนทุกช่อง มาเปรียบเทียบกัน และจะออกหมายจับมาดำเนินคดี โดยข้อหาก่อการร้ายเผาสถานที่ราชการมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
สำหรับความคืบหน้าคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น และสถานีโทรทัศน์ NBT ขอนแก่นนั้น ขณะนี้ได้ออกหมายจับผู้ก่อการร้ายเผาศาลากลางแล้ว 10 คน ในส่วนผู้ปฏิบัติการ และกำลังเร่งขยายผลพร้อมสืบหาพยานหลักฐานเพิ่ม เพื่อขยายไปยังแกนนำคนสั่งการต่อไป ส่วนจะเกี่ยวข้องกับส.ส.เพื่อไทยในพื้นที่หรือไม่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนกรณีนางซาบีนา ซาส์ ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นแกนนำในการคุมคนเสื้อแดงเผาศาลากลางอย่างชัดเจนนั้น เจ้าหน้าที่กำลังตามจับกุมในฐานะ 1 ในแกนนำ แต่ยังไม่พบตัวนางซาบีนาในพื้นที่ คาดว่าจะหลบหนีไปต่างพื้นที่แล้ว แต่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
ส่วนที่มีข่าวลือว่า มีผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นให้ที่พักพิงหลบหนีแก่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรองนั้น ยังไม่มีการออกตามจับกุมตัวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ กรณีการข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนในจังหวัดขอนแก่นที่รุนแรงขึ้น ก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดกำลังไปเฝ้าระวังเหตุที่สถานีโทรทัศน์ทุกช่อง ยกเว้นสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ที่มีกำลังทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัยพร้อมอาวุธ ซึ่งผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นได้รับรองความปลอดภัยสื่อมวลชน โดยให้ผู้สื่อข่าวแจ้งเหตุถูกข่มขู่คุกคามไปยังตนได้โดยตรงตลอด 24 ชั่วโมง