นายวิทยา บูรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)ยื่นเรื่องต่อนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา เพื่อขอถอดถอนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง, นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม โดยขอให้ประธานวุฒิสภาดำเนินการตามขั้นตอนในการถอดถอน
ขณะที่ช่วงบ่ายนี้ฝ่ายค้านมีกำหนดจะยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีอีก 5 คน คือ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง, นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ, นายสุเทพ, นายชวรัตน์ และ นายโสภณ
สำหรับเหตุผลที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแต่ละคนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 เป็นดังนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ดำเนินนโยบายการเงินการคลังและการงบประมาณของประเทศผิดพลาด บกพร่องไม่ดำเนินการตามแผนงานการบริหารราชการแผ่นดิน 2552-2554 แผนนิติบัญญัติ 2552-2554 มุ่งแสวงหาการก่อหนี้สาธารณะจนขณะนี้หนี้สาธารณะสูงกว่า 60% โดยไม่คำนึงถึงสถานะทางเศรษฐกิจ ความจำเป็นในการใช้จ่ายภายในประเทศและภาระหนี้สาธารณะที่มีอยู่ อีกทั้งนำเงินที่ได้จากการกู้ไปดำเนินนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์กับรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ
นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ บริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีกับประเทศชาติในสายตาประชาคมโลก มีพฤติกรรมข่มขู่ก้าวร้าวต่อมิตรประเทศ สร้างความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อฝ่ายที่เห็นต่างกับตนเอง มุ่งทำลายล้างนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยไม่คำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม และศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญและนโยบายที่ได้แถลงไว้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนนายกรัฐมนตรี และในตำแหน่งหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำผิดรัฐธรรมนูญ ไม่บังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย
นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย มีพฤติกรรมที่ส่อในทางทุจริตและส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม บริหารราชการแผ่นดินโดยกำหนดนโยายเพื่อมุ่งแสวงหาประโยชน์ในทางทรัพย์สิน และประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน รู้เห็นเป็นใจหรือยินยอมให้พวกพ้องหรือผู้สนับสนุนทางการเมืองของตนเองเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากโครงการที่กำหนดขึ้น มีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตและกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย