นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ยอมรับว่า รัฐบาลยังคงมีความจำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิวต่อไปอีก 7 วันตามที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.)เสนอ เนื่องจากในขณะนี้ยังมีบางพื้นที่ที่ยังมีปัญหาการก่อเหตุความวุ่นวายอยู่ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังมีจุดที่มีปัญหาประมาณ 1-2 แห่ง เช่น ที่บ่อนไก่ โดยยังมีการต่อต้านของบุคคลบางคน แต่ไม่ใช่จากประชาชนทั่วไป
"การดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองต้องทำให้เร็วที่สุด ซึ่งในขณะนี้เห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องประกาศเคอร์ฟิวอีกระยะ เพราะยังมีบางพื้นที่ยังเป็นปัญหาอยู่ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด" นายสุเทพ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการธุรกิจช่วงกลางคืนในพื้นที่ กทม.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลจะมีการพิจารณาผ่อนผันให้เป็นกรณีๆ ไป เพื่อช่วยลดปัญหาความเดือดร้อนที่ได้รับจากการประกาศเคอร์ฟิว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ยอมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีก เพราะที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมา 2 ปีมาแล้ว รัฐบาลคงจะไม่ยอให้เกิดเป็นครั้งที่ 3 รวมถึงขอร้องว่า ผู้ที่มีความต้องการเคลื่อนไหวใต้ดินนั้นขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะไม่มีประโยชน์กับใครทั้งสิ้น และไม่ควรจะใช้ความรุนแรง
ส่วนการดำเนินคดีกับแกนนำในขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมแกนนำได้ทั้งหมด ในส่วนนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หนึ่งในแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้น นายสุเทพ ยืนยันว่า ข่าวที่นายอริสมันต์เสียชีวิตแล้วน่าจะเป็นข่าวลวงมากกว่า ขณะที่การดำเนินคดีกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. เมื่อปิดสมัยประชุมแล้วรัฐบาลจะดำเนินคีดตามกฎหมายต่อไป
"นายอริสมันต์ ปล่อยข่าวหลอกเก่ง หนึ่งมีข่าวว่าอยู่ 20-30 แห่ง ซึ่งติดตามยาก ที่ปล่อยข่าวว่าเสียชีวิตแล้ว คงจะไม่ใช่ คงจะเป็นข่าวลวง"นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า รัฐบาลก็จะเดินหน้าในการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สามารถจับกุมผู้ก่อการร้ายได้อีก 20-30 คน รวมถึงกรณีของคนที่ก่อการร้ายที่อาจปะปนกับประชาชน เป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องเร่งติดตามและจับกุมบุคคลเหล่านี้มาดำเนินคดีต่อไป
ในส่วนของภาพข่าวที่พรรคเพื่อไทยนำมาเผยแพร่ว่าเป็นภาพทหารซุ่มยิงจากบริเวณรถไฟฟ้าเข้าในวัดปทุมฯ นั้น ขอเตือนสื่อว่าเรื่องนี้ต้องระมัดระวังในการนำเสนอข่าว เพราะอาจเป็นเครื่องมือของผู้ก่อการร้ายได้ และมองว่าในขณะนี้คนที่ปล่อยข่าวลักษณะเช่นนี้มีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น
สำหรับสิ่งที่รัฐบาลจะต้องเดินหน้าต่อไปในขณะนี้ คือ การสนธิกำลังในฝ่ายต่างๆ เพื่อดูแลควบคุมสถานการณ์และปกป้องทรัพย์สินทั้งของพี่น้องประชาชนและสาธารณะ พร้อมทั้งเร่งรัดจัดให้มีกระบวนการพูดคุย ทำความเข้าใจกับอธิปรายกับประชาชนในการให้รับทราบถึงสิทธิในการแสดงออกเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนการก่อเหตุร้ายที่ผ่านมา และเพื่อให้ประชาชนเข้าใจระบอบประชาธิปไตยที่ต้องมีการเคารพกฎหมายเป็นหลัก