นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุรัฐบาลพร้อมที่จะจัดช่วงเวลาให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะจัดช่วงเวลาให้มีการอภิปรายได้ราวต้นสัปดาห์หน้า แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้องของญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอมาและประสานกับประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกำหนดวันที่ชัดเจนอีกครั้ง
"จะประสานกับประธานสภาฯ ว่าจะอภิปรายวันไหน แต่ในเบื้องต้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการเปิดอภิปรายฯ ในช่วงวันจันทร์(31 พ.ค.)และวันอังคาร(1 มิ.ย.) ก่อนที่จะปิดประชุมสมัยวิสามัญ" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเองไม่กังวลใจหากฝ่ายค้านจะให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย(พท.) ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำกลุ่ม นปช.ร่วมอภิปรายครั้งนี้ด้วย และเชื่อว่ารัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายก็มีความพร้อมในการชี้แจงอยู่แล้ว อีกทั้งหวังว่าประชาชนจะมีความเชื่อถือในทางบวกต่อกลไกของรัฐสภามากขึ้น
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ในขณะนี้ได้สั่งให้ผู้เกี่ยวข้องสืบหาข้อเท็จจริงกรณีมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุม ทั้งในกรณีของเจ้าหน้าที่ และประชาชน โดยเชื่อว่ากรณีมีผู้เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนารามนั้น ไม่น่าจะใช่ฝีมือเจ้าหน้าที่ เพราะการปฏิบัติการในการเข้ายุติการชุมนุมได้ถูกยกเลิกก่อนที่ประชาชนจะเข้าไปอยู่ภายในวัดปทุมวนารามนานกว่า 5-6 ชั่วโมง และทางเจ้าหน้าที่ก็ได้หยุดปฏิบัติการไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อความถูกต้อง ก็พร้อมจะตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด
ส่วนเหตุการณ์จลาจลในวันที่ 19 พ.ค.ในช่วงระหว่างที่เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติการในพื้นที่สารสิน มีผู้เสียชีวิต 6 ราย โดยในจำนวนนี้ 2 รายเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร และผู้สื่อข่าวต่างประเทศ อีกทั้งเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นนอกพื้นที่ราชประสงค์ การปะทะเกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาโจมตี หรือปะทะกับเจ้าหน้าที่ที่มีการตั้งด่านสกัดไว้เท่านั้น
ในส่วนของการถามหาความรับผิดชอบนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นโอกาสดีที่จะใช้กระบวนการสภาพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งรัฐบาลมีความพร้อมที่จะชี้แจงข้อมูลอยู่แล้ว
ส่วนเรื่อง พรก.ฉุกเฉิน รัฐบาลเห็นว่ายังมีความจำเป็นอยู่ เพราะต้องมีการประเมินทั้งด้านข้อกฎหมายและคดีความต่างๆ และช่วยป้องกันหากจะมีการก่อเหตุขึ้นมาอีก
แต่ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของกระบวนการใต้ดินของกลุ่มผู้ชุมนุม ยังมีอยู่บ้าง แต่รัฐบาลจะพยายามทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นตามลำดับ และจะเพิ่มมาตรการเสริมเข้าไป ส่วนเรื่องการเดินหน้าตามแผนการปรองดอง รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าแผนการฟื้นฟูและแผนการปรองดอง ส่วนกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศคงต้องดำเนินตามวาระงานที่มีไว้