พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์หลังจากถูกออกหมายจับในข้อหาก่อการร้ายในวันนี้ โดยยืนยันว่า ยึดมั่นในแนวทางสันติ อหิงสา และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข ไม่เคยสนับสนุนความรุนแรง ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย และไม่เคยสนับสนุนการก่อการร้าย การออกหมายจับในวันนี้ จึงไม่เป็นธรรมสำหรับ และพร้อมจะต่อสู้พิสูจน์ความจริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม การถูกออกหมายจับครั้งนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย และเชื่อว่าเป็นความพยายามทำลายกันในทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแค่จิ๊กซอชิ้นหนึ่งของภาพใหญ่ที่เริ่มจากการกระทำรัฐประหารในปี 49 เพราะหลังจากนั้นมีการยัดเยียดข้อกล่าวหาต่างๆให้แก่ตนเองและครอบครัวอย่างไร้ความยุติธรรม และขัดกับหลักนิติธรรมที่อารยะประเทศยึดถือ
ยิ่งกว่านั้นภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปในปี 50 พรรคการเมืองที่ตนเองและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศสนับสนุน ชนะการเลือกตั้งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ถูกหาเหตุในการยุบพรรคและทำให้รัฐบาลที่มีนายสมชาย วงค์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงอย่างไม่เป็นธรรม นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารที่ได้รับการอุ้มสมจากระบอบอำมาตย์ จนนำมาซึ่งความไม่พอใจในหมู่คนเสื้อแดงจนต้องออกมาชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย และความยุติธรรม โดยเรียกร้องให้มีการยุบสภาตามระบอบประชาธิปไตย
แต่แทนที่จะได้รับประชาธิปไตยและความยุติธรรมกลับบ้าน คนเสื้อแดงกลับถูกสังหารและถูกทำร้ายด้วยอาวุธสงคราม และยังถูกรัฐบาลใส่ร้ายว่าเป็นการก่อการร้าย แทนที่จะได้หย่อนบัตรลงในหีบบัตร แต่ร่างของประชาชนกลับถูกหย่อนลงในหีบศพแทน ซึ่งการใช้ข้อกล่าวหาการก่อการร้ายยังคล้ายกับการใช้ข้อกล่าวหาคอมมิวนิสต์ช่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ แผนประทุษกรรมและรูปแบบการทำลายกันทางการเมือง มีการใช้สื่อของรัฐบิดเบือนประโคมข่าวฝ่ายเดียวเช่นกัน เพียงแต่ข้อกล่าวหาเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง